Farfetch แพลตฟอร์มขายแบรนด์หรู ที่ใหญ่พอ ๆ กับ CPALL
LifestyleBusiness

Farfetch แพลตฟอร์มขายแบรนด์หรู ที่ใหญ่พอ ๆ กับ CPALL

16 เม.ย. 2021
Farfetch แพลตฟอร์มขายแบรนด์หรู ที่ใหญ่พอ ๆ กับ CPALL /โดย ลงทุนเกิร์ล
ในสมัยก่อนหากเราต้องการที่จะซื้อของที่มีราคาค่อนข้างสูงสักชิ้น
เราคงเลือกที่จะเดินทางไปยังหน้าร้าน เพื่อสัมผัสสินค้าประกอบการตัดสินใจเสียก่อน
แต่ในยุคนี้กลับไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป
และหันมาเปิดใจกับการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โควิด 19 ระบาด จนหลาย ๆ เมืองจำเป็นต้องประกาศล็อกดาวน์
ก็กลายเป็นการบังคับให้ผู้บริโภคต้องหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แทน
และหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตในช่วงโควิดที่ผ่านมาก็คือ Farfetch
แพลตฟอร์มขายสินค้าแบรนด์หรู ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้เติบโตจากปี 2019 ถึง 69% 
แล้ว Farfetch น่าสนใจอย่างไร ? ทำไมจึงสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของหรู และยังสร้างยอดขายที่สูงขึ้นได้ แม้จะเป็นยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองได้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 
Farfetch ก่อตั้งโดยคุณ José Neves ในปี 2007 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2008 
โดยก่อนหน้าที่คุณ José Neves จะก่อตั้ง Farfetch เขาก็ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นอยู่แล้ว
เช่น B Store ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่น และ Swear ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าของเขาเอง
และด้วยความรักที่มีในแฟชั่นของคุณ José Neves จึงทำให้เขาคิดอยากทำอะไร 
ที่จะสามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นให้เติบโต ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
ในขณะที่คุณ José Neves กำลังอยู่ภายในร้าน B Store ที่ปารีส และมองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน เขาพบกับร้านค้าหลายร้านที่ต้องปิดตัวลง เนื่องจากอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตและ E-Commerce
ประกอบกับการที่เขาได้ไปงาน Paris Fashion Week เพื่อหาแบรนด์เสื้อผ้ามาวางขายในร้าน B Store จึงทำให้คุณ José Neves เกิดไอเดีย ที่จะสร้างร้านค้าปลีกออนไลน์ ที่รวบรวมสินค้าแบรนด์หรูต่าง ๆ มาไว้ที่เดียวกัน
จากตอนนั้นถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 13 ปี 
Farfetch ก็เติบโต จนปัจจุบันกลายเป็นบริษัท ที่มีมูลค่า 588,000 ล้านบาท
ซึ่งเทียบแล้ว ใหญ่พอ ๆ กับ CPALL ที่มีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 3 ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยเลยทีเดียว
ซึ่งหากดูรายได้ของ Farfetch ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น
ปี 2018 รายได้ 18,200 ล้านบาท 
ปี 2019 รายได้ 30,800 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 52,000 ล้านบาท 
ทำให้เห็นว่า Farfetch เติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงเวลา 2 ปี
ซึ่งตัวแปรที่ทำให้ Farfetch เติบโตมาจนทุกวันนี้ได้ก็คือ “ความน่าเชื่อถือ” 
โดย Farfetch เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาต และเป็นพันธมิตรกับกว่า 700 แบรนด์ทั่วโลก
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ การเป็น First-mover ของ Farfetch
ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเจ้าแรก ๆ ที่เจาะตลาดขายสินค้าหรูบนโลกออนไลน์ 
ทำให้ Farfetch ได้เปรียบในเรื่องของการแข่งขัน และกลายเป็นผู้นำในตลาดนี้ 
นอกจากนั้นยังมีการขยายธุรกิจแบบแนวตั้ง 
เช่น การเข้าซื้อ บริษัท New Guards เจ้าของแบรนด์หรูชื่อดัง 
อย่าง Off-White และ Palm Angels ในปี 2019 
ที่เข้ามาช่วยส่งเสริมตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 
ซึ่งตัวแปรเหล่านี้ก็ทำให้ Farfetch กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ
โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ในโซนยุโรปและอเมริกา 
เนื่องจากมีค่าส่งที่ค่อนข้างถูก และมีความสะดวกสบายในการส่งคืนและเปลี่ยนสินค้า 
ทำให้ Farfetch ตีตลาดได้ไม่ยาก
รวมถึงประเทศจีน ที่ถือเป็นตลาดที่คนมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง 
โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 
คนจีนจะครองสัดส่วนตลาดแบรนด์หรูอยู่ที่ประมาณ 50% เลยทีเดียว
ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ที่ผ่านมา 
บริษัท Alibaba ก็ได้ร่วมมือกับบริษัทนาฬิกาหรู Richemont 
ร่วมลงทุนใน Farfetch คนละ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท
ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายของ Farfetch ขยายเข้าไปยัง Tmall Luxury Pavilion ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์ และ Luxury Soho ที่มีลักษณะเหมือนเอาต์เลตในทันที
และถึงแม้โควิด 19 จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นอยู่บ้าง 
แต่ที่น่าสนใจคือกลุ่มแบรนด์หรู กลับไม่ได้รับผลกระทบเท่าที่คาด
เพราะผู้บริโภคก็ไม่ได้หยุดซื้อสินค้าทันที 
เพียงแค่ปรับเปลี่ยนสินค้าที่ซื้อ เช่น จากซื้อชุดเดรสสำหรับออกงานและรองเท้าส้นสูง
ก็กลายเป็นซื้อสินค้าจำพวกเสื้อยืด เสื้อออกกำลังกาย และรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่อยู่บ้านแทน
นอกจากนั้นแนวโน้มของผู้บริโภค ก็ยังเริ่มหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น 
ซึ่งนอกจากจะสะท้อนออกมาที่การเติบโตของ Farfetch แล้ว
รายงานผลประกอบการของเหล่าบริษัทแบรนด์หรู อย่าง LVMH, Kering และ Hermès 
ก็มียอดขายออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน
Farfetch จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ และน่าจับตามอง
ซึ่งถ้าเราเริ่มถือหุ้น Farfetch ตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว 
ตอนนี้เราจะได้กำไรไปมากกว่า 460% เลยทีเดียว..
References:
-https://www.businesswire.com/news/home/20201117005990/en/Global-Luxury-Goods-Market-Report-2020-Market-to-Reach-403.2-Billion-by-2027---ResearchAndMarkets.com#:~:text=Amid%20the%20COVID%2D19%20crisis,the%20analysis%20period%202020%2D2027.
-https://thoughteconomics.com/jose-neves-farfetch/
-https://aboutfarfetch.com/
-https://www.reuters.com/article/us-farfetch-investment-alibaba-idUSKBN27L2Z4?fbclid=IwAR0ku8OlT8N61sGfmA9suglSlbusR964ogQ2oviIYfNYbdx_GjwrNYC4Z00
-https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.farfetchinvestors.com%2Ffinancial-news%2Fnews-details%2F2020%2FFarfetch-Announces-Third-Quarter-2020-Results%2Fdefault.aspx%3Ffbclid%3DIwAR1FvFh17cHFOxoWpmxxv-90y5voM-Y-6bsqKXlIjCKAFXsvaeCUcFlhhK4&h=AT3b__lMb6T0qQJMBoqeef1C8iFXfMtaqzzjsqCrgOttaBwlxdTcTJHkwst2I3NOVJonB7FmucugRbf6TnGn0PxW6H9rlQamrtAzPmujtDV25LB4y-lRFW1OzPGuFXr1n9hBBsQE&__tn__=-UK*F
-https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.marketwatch.com%2Fstory%2Ffarfetch-says-luxury-shopping-has-permanently-moved-online-shares-jump-11605283337%3Ffbclid%3DIwAR34b_F0XfmmVyUETaN9EdWL9F1QIqp6jiZsTUTwHyDV5fHCivqHwkkCoAk&h=AT0B0XMc2rogmF375GfmgoJEQo7ZIjHLhf6A60NF_P6KvWe_ROVaWqkJ9HyYz2FC_hdQn6LH361Wun85gspBMUSmMKsH6B2YeFuxFtF1MUMOVa99PSZ_1VwDkBMX_yNaWYzqXay1&__tn__=-UK*F
-https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.farfetchinvestors.com%2Ffinancial-news%2Fnews-details%2F2020%2FFarfetch-Announces-Third-Quarter-2020-Results%2Fdefault.aspx%3Ffbclid%3DIwAR3EIzorHTE4Pz3jT5Tv4DOajda_NEWoMgUKFMXLpbhhCeFrvvfmro_29WY&h=AT3b__lMb6T0qQJMBoqeef1C8iFXfMtaqzzjsqCrgOttaBwlxdTcTJHkwst2I3NOVJonB7FmucugRbf6TnGn0PxW6H9rlQamrtAzPmujtDV25LB4y-lRFW1OzPGuFXr1n9hBBsQE&__tn__=-UK*F
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.