3 คู่แข่งแบรนด์หรูจับมือกัน จัดการสินค้าก๊อบปี้ ด้วย Blockchain
TechnologyBusiness

3 คู่แข่งแบรนด์หรูจับมือกัน จัดการสินค้าก๊อบปี้ ด้วย Blockchain

27 เม.ย. 2021
3 คู่แข่งแบรนด์หรูจับมือกัน จัดการสินค้าก๊อบปี้ ด้วย Blockchain /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อการเดินทางไปช็อปปิงที่ต่างประเทศ ไม่ได้สะดวกเหมือนอย่างเคย
ดังนั้นการช็อปปิงผ่านระบบออนไลน์ จึงเป็นกุญแจสำคัญในยุคนี้
แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นของแท้ ไม่ใช่ของปลอม 
และใครจะรับประกันว่าสินค้าเหล่านี้ เชื่อถือได้ ?
ความกังวลใจเหล่านี้ กำลังจะหมดไป ด้วยการเข้าไปเช็กสินค้าผ่านระบบ “Aura Blockchain” ได้ด้วยตัวเอง
โดยระบบนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของ 3 บริษัทแบรนด์หรู 
อย่าง LVMH, Prada และ Compagnie Financière Richemont 
เพื่อขจัดปัญหาสินค้าก๊อบเกรดเอจากตลาดมืด ผ่านเทคโนโลยี Blockchain
Blockchain คืออะไร แล้วจะมาช่วยพิสูจน์ของแท้ได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เรามาทำความรู้จักกับระบบ Blockchain กันก่อนดีกว่า
Blockchain เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล ในลักษณะของบล็อกข้อมูล 
และแชร์ไปยังทุก ๆ คน ในรูปแบบของบล็อกข้อมูลที่เรียงต่อกัน 
ทำให้ทุกคนรับรู้ว่า ใครที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริง ๆ 
โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง มาช่วยยืนยันความถูกต้อง
ดังนั้นข้อมูลในระบบ Blockchain จึงยากที่จะถูกเปลี่ยนแปลง 
เพราะทุก ๆ คนในเครือข่ายซึ่งล้วนแต่มีสำเนาของข้อมูล และสามารถติดตามตรวจสอบข้อมูล ทำให้ระบบนี้โปร่งใสและเชื่อใจได้
แต่เท่าที่เห็นในตอนนี้ Blockchain ก็มักจะถูกนำมาใช้กับธุรกรรมทางการเงินเป็นส่วนใหญ่
ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้เราไม่ต้องอาศัยตัวกลางและเสียค่าธรรมเนียม ในการยืนยันความถูกต้อง
แล้วสำหรับอุตสาหกรรมแบรนด์หรู Blockchain จะเข้ามาช่วยในเรื่องอะไร ?
ปกติการขายสินค้าแบรนด์หรู จะต้องผ่านตัวกลางมากมาย 
รวมทั้งต้องสูญเสียเงิน เพื่อจัดการกับสินค้าลอกเลียนแบบนับไม่ถ้วน 
โดยในปี 2019 LVMH ต้องเสียเงินไปกว่า 532 ล้านบาท 
ในการจ้างทนายความ เพื่อฟ้องร้องสินค้าลอกเลียนแบบ
ดังนั้น LVMH จึงได้ร่วมมือกับสตูดิโอ ConsenSys และ Microsoft Azure
สร้างระบบที่ไร้ตัวกลาง และไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง
แถมลูกค้ายังสามารถตรวจสอบข้อมูลและเช็กสถานะสินค้าได้อย่างโปร่งใส
นอกจากนั้น ลูกค้ายังสามารถเช็กกระบวนการผลิต ตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ 
ขั้นตอนการผลิต สู่การส่งมอบสินค้า จากลูกค้าคนแรกไปจนถึงเจ้าของคนล่าสุด
เรียกได้ว่าสามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดของสินค้า 
ซึ่งระบบที่ว่านี้ ก็คือ “Aura Blockchain” นั่นเอง
และได้เริ่มนำมาใช้กับ Louis Vuitton เป็นแบรนด์แรก 
ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยายไปยังแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ 
และล่าสุด LVMH ได้ตัดสินใจที่จะใช้ระบบนี้ ร่วมกับบริษัทแบรนด์หรูอื่น ๆ 
นั่นก็คือบริษัท Prada Group และ Compagnie Financière Richemont 
ซึ่งเรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนการร่วมงานกันของวงการแบรนด์หรู ที่ไม่เคยมีมาก่อน 
โดยตอนนี้แบรนด์ที่ให้บริการในระบบ Aura Blockchain ประกอบด้วย
แบรนด์ในเครือ LVMH ได้แก่ Louis Vuitton, Bulgari และ Hublot 
แบรนด์ในเครือ Prada Group ได้แก่ Prada 
แบรนด์ในเครือ Compagnie Financière Richemont ได้แก่ Cartier 
แล้วผู้บริโภคอย่างเรา จะได้รับประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ ?
ปัจจุบันกระแสแบรนด์เนมมือสอง ค่อนข้างเติบโตอย่างมาก
มีมูลค่าตลาดทั่วโลกรวมกันสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท
แต่ปัญหาหลักของ สินค้าแบรนด์เนมมือสอง ก็คือ สินค้าลอกเลียนแบบที่เหมือนกับของจริง จนแทบแยกไม่ออก และการตรวจเช็กด้วยตาเปล่า ก็มีข้อจำกัดและยากลำบาก
ซึ่งในปี 2018 ตลาดลอกเลียนแบบสินค้าแบรนด์หรู 
สามารถทำรายได้สูงถึง 10.1 ล้านล้านบาท 
คิดเป็นเกือบ 8 เท่าตัว ของมูลค่าตลาดแบรนด์เนมมือสองเลยทีเดียว..
ดังนั้นไม่ใช่แค่เจ้าของธุรกิจแบรนด์หรูที่ได้รับผลกระทบ
แต่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบรนด์หรูเองก็เช่นกัน 
ที่มีโอกาสจ่ายเงินไปแล้ว ได้ของก๊อบปี้กลับมา
ดังนั้นการมีระบบอย่าง Aura Blockchain เข้ามา 
ทำให้ลูกค้าสามารถรู้ถึงเส้นทางของสินค้าทั้งหมด ก่อนที่จะมาถึงมือเรา 
การตรวจว่า สินค้านั้น ๆ เป็นของแท้หรือปลอม จึงไม่ใช่เรื่องยาก 
โดยสินค้าแต่ละชิ้น จะมีดิจิทัลโคดเฉพาะของตัวเอง 
ที่ถูกบันทึกแยกไว้ในบัญชีของ Aura Blockchain
และเมื่อเราซื้อสินค้าจากร้านค้า ไม่ว่าจากหน้าร้านหรือซื้อต่อจากคนอื่น 
เราก็จะสามารถเข้าถึงประวัติเก่า ๆ ของสินค้าชิ้นนั้นได้ทั้งหมด
และการตรวจสอบของแท้ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป.. 
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.