Pepperidge Farm แบรนด์ขนมระดับโลก ที่เริ่มต้นจากการอบขนมปังให้ลูก
FoodBusiness

Pepperidge Farm แบรนด์ขนมระดับโลก ที่เริ่มต้นจากการอบขนมปังให้ลูก

10 พ.ค. 2021
Pepperidge Farm แบรนด์ขนมระดับโลก ที่เริ่มต้นจากการอบขนมปังให้ลูก /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าพูดถึงขนมในวัยเด็ก ขนม Goldfish หรือแครกเกอร์รูปปลาสีส้ม
คงจะเป็นหนึ่งในขนมที่หลายคนชื่นชอบ
และเชื่อหรือไม่ว่าขนมรูปปลานี้ อร่อยถูกอกถูกใจ 
จนแม้แต่นักบินอวกาศ ยังนำขึ้นไปกินตอนที่ออกไปทำภารกิจนอกโลกอีกด้วย
ซึ่งขนม Goldfish ที่วางขายในซูเปอร์มาเกต จริง ๆ แล้วก็มีหลายแบรนด์
แต่หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ก็คือ Pepperidge Farm
ที่ไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงจากขนม Goldfish เท่านั้น 
แต่คุกกี้ก็เป็นสินค้าอีกประเภท ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Pepperidge Farm ไม่ได้เริ่มต้นจากการทำขนมเหล่านั้นเลย
แต่เริ่มต้นมาจากการขายขนมปัง ก่อนจะขยับขยายมาสู่แบรนด์ขนมระดับโลก
Pepperidge Farm ทำอย่างไรให้ธุรกิจสามารถเติบโตมาได้จนทุกวันนี้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง 
แบรนด์ Pepperidge Farm ก่อตั้งโดยคุณ Margaret Rudkin
เดิมทีเธอเคยทำงานเป็นพนักงานธนาคาร และได้พบรักกับสามีของเธอซึ่งเป็นนายหน้าขายหุ้น
ทั้งสองคนมีความตั้งใจที่อยากจะออกมาใช้ชีวิตในชนบท
จึงตัดสินใจซื้อที่ดินแห่งหนึ่ง และตั้งชื่อว่า Pepperidge Farm
แต่แล้วก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หรือที่เรารู้จักกันในนาม The Great Depression 
และส่งผลให้สามีของคุณ Margaret ไม่สามารถไปทำงานได้
พวกเขาจึงต้องขายทรัพย์สินส่วนใหญ่ รวมถึงขายต้นแอปเปิลและไก่งวง 
ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาตั้งใจปลูกและเลี้ยงเอาไว้ 
สำหรับทำฟาร์ม เพื่อประทังชีวิตของพวกเขา และลูกอีก 3 คน
ถึงแม้จะลำบาก แต่ทั้งคู่ก็ร่วมกันอดทนและสามารถก้าวผ่านอุปสรรคครั้งนั้นมาได้
แต่เรื่องก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น 
เพราะลูกชายคนเล็กของคุณ Margaret กลับป่วยเป็นโรคหอบหืด
และมีอาการแพ้อาหารจำพวกสารกันบูด หรือสารสังเคราะห์ต่าง ๆ 
ทำให้ไม่สามารถทานขนมปังที่วางขายในท้องตลาดทั่วไปได้ 
เพราะในยุคนั้น ผู้ผลิตส่วนใหญ่หันมาใส่สารเคมีลงในขนมปังมากขึ้น 
เนื่องจากสารเหล่านี้ช่วยให้ขนมปังมีสัมผัสที่นุ่ม และอยู่ได้นาน
ทางแพทย์ที่ดูแลลูกชายของคุณ Margaret จึงแนะนำให้ทางบ้านหันมาทำอาหารกินเองมากขึ้น
และเรื่องนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Pepperidge Farm
เนื่องจากในวัยเด็กของคุณ Margaret เธอเคยไปอาศัยอยู่กับคุณยาย ซึ่งเป็นคนสอนเธออบขนม
ทำให้เธอพอจะมีประสบการณ์ด้านการทำขนมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีนัก
อย่างไรก็ตาม เธอได้เลือกที่จะเริ่มฝึกทำขนมปังแบบโฮลวีต 
เพราะเธอเชื่อว่าการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ อาจช่วยให้ลูกชายของเธอมีอาการดีขึ้นได้ 
ซึ่งคุณ Margaret ได้ใช้เวลาฝึกหัดอยู่ 3 ปี กว่าจะได้สูตรขนมปังโฮลวีตที่ลงตัว
โดยนอกจากขนมปังที่ได้จะอร่อยแล้ว 
ขนมปังของเธอยังมีประโยชน์จากธัญพืชมากมาย
ส่งผลให้อาการป่วยของลูกชายเธอ ค่อย ๆ มีอาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ทำให้แม้แต่คุณหมอที่รักษาลูกชายของเธอ ก็นำเอาขนมปังของเธอไปแนะนำให้คนไข้คนอื่น 
จนกลายเป็นขนมปังที่ได้รับความนิยม 
และทำให้คุณ Margaret ตัดสินใจเริ่มต้นเปิดร้านขายขนมปังโฮลวีตในที่สุด
หลังจากที่โด่งดังแค่เพียงในพื้นที่เล็ก ๆ 
ขนมปังของคุณ Margaret ก็ขยับขยาย มาวางขายในตัวเมืองนิวยอร์ก 
โดยมีสามีของเธอเป็นคนคอยช่วยส่งของ
คุณ Margaret เองก็ได้ย้ายจากฟาร์ม มาอบขนมในโรงจอดรถเล็ก ๆ ในตัวเมือง
ก่อนจะค่อย ๆ ขยาย จนสามารถไปผลิตในโรงงานขนาดใหญ่ได้
แต่ในขณะที่ธุรกิจของเธอกำลังเติบโต คุณ Margaret กลับต้องเจอกับยุคสงครามอีกครั้ง
ทำให้การผลิตของเธอต้องหยุดชะงัก เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากสู้จนผ่านช่วงที่ยากลำบากมาได้ 
ในปี 1947 Pepperidge Farm ก็เปิดร้านเบเกอรีของตัวเอง 
รวมถึงเปิดตัวสินค้าประเภทอื่น ๆ อย่างขนมปังชิ้นเล็ก และขนมที่มีไส้
ซึ่งประกอบไปด้วยสมุนไพรมาผสมกันแล้วนำไปอบ
ต่อมาในช่วงปี 1950 คุณ Margaret ได้มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ ทำให้ได้พบเจอขนมชนิดใหม่ ๆ ซึ่งเธอเชื่อว่าจะได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
อย่างการเดินทางไปยังยุโรป ที่ทำให้เธอได้พบกับคุกกี้ช็อกโกแลตชนิดหนึ่ง
ซึ่งเธอก็ตัดสินใจซื้อสิทธิ์ในการผลิตและขาย จนทำให้ธุรกิจเติบโต
จากความสำเร็จของคุณ Margaret ทำให้ Campbell Soup Company 
ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทอาหารอันดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกา
ทำการเข้าซื้อกิจการ Pepperidge Farm
และเรื่องนี้ยังทำให้คุณ Margaret กลายเป็นผู้หญิงคนแรก 
ที่นั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารของ Campbell อีกด้วย
หลังจากนั้นในปี 1961 คุณ Margaret ก็ได้นำ Goldfish หรือขนมแครกเกอร์รูปปลาสีส้ม
ที่เธอได้พบเจอจากการเดินทางไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลับมาที่สหรัฐอเมริกา
ซึ่งต่อมาในปี 1997 แครกเกอร์ Goldfish ได้เปิดตัว Smiley หรือแครกเกอร์รูปปลาที่มีรอยยิ้ม 
จนทำให้ Goldfish กลายเป็นหนึ่งในขนมไอคอนิกทันที
จากความสำเร็จทั้งหมดของคุณ Margaret ก็ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในบุคคลตัวอย่าง 
และทำให้เธอมีโอกาสได้บรรยายที่มหาวิทยาลัยหลาย ๆ ที่ รวมถึง Harvard University
โดยเมื่อมีคนถามว่า อะไรที่ทำให้บริษัทของเธอประสบความสำเร็จ เธอจะตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง 
“สิ่งที่ทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้ขนาดนี้ 
เป็นเพราะผลิตภัณฑ์จากฟาร์มของ Pepperidge Farm เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก” 
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เพียงแค่สินค้าที่มีคุณภาพดีเท่านั้นที่จะขายได้
อีกสิ่งที่ส่งผลให้ Pepperidge Farm ประสบความสำเร็จได้ก็คือคุณ Margaret Rudkin
เนื่องจากวิสัยทัศน์ของเธอ ที่มองเห็นโอกาสตั้งแต่สมัยยังอบขนมปัง 
รวมถึงการตัดสินใจคัดเลือกขนมประเภทต่าง ๆ 
ที่จะนำเข้ามาขายภายใต้ชื่อ Pepperidge Farm
ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตมาได้จนทุกวันนี้.. 
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.