Veg of Lund สตาร์ตอัปผู้ผลิตนม จาก “มันฝรั่ง” อีกทางเลือกของความยั่งยืน
Business

Veg of Lund สตาร์ตอัปผู้ผลิตนม จาก “มันฝรั่ง” อีกทางเลือกของความยั่งยืน

4 ส.ค. 2021
Veg of Lund สตาร์ตอัปผู้ผลิตนม จาก “มันฝรั่ง” อีกทางเลือกของความยั่งยืน /โดย ลงทุนเกิร์ล
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สินค้า Plant-based หรือสินค้าที่ทำจากพืช กำลังเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจ จากการที่เราเริ่มเห็นหลาย ๆ แบรนด์ออกสินค้าที่ทำจากพืช
นอกจากนี้ผลสำรวจของ Morning Consult ในคนอเมริกันอายุ 18-22 ปี จำนวน 2,200 คน พบว่า 32% ในนี้เริ่มหันมาดื่มนมที่ไม่ได้เป็นนมวัวอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
โดยนมจากพืชที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คือ
นมอัลมอนด์ 69%
ตามมาด้วยนมมะพร้าว 21%
นมถั่วเหลือง 20%
และนมข้าวโอ๊ต 19%
ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะยังคงดื่มนมวัวอยู่ แต่นมจากพืชก็นับว่าเป็นอีกเทรนด์ที่กำลังค่อย ๆ เติบโตขึ้น
ซึ่งล่าสุดก็ได้มีบริษัทสตาร์ตอัปจากประเทศสวีเดน ได้ผลิตนมที่ทำจาก “มันฝรั่ง” โดยมีชื่อแบรนด์ว่า DUG แบรนด์ภายใต้ Veg of Lund บริษัทที่ขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องดื่มแบบ Plant-based ซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นมันฝรั่งและน้ำมันคาโนลา
แล้วนมจากมันฝรั่งนั้นน่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเรามาลองดูจุดเริ่มต้นของบริษัท Veg of Lund
Veg of Lund เริ่มต้นขึ้นในปี 2016 จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารท่านหนึ่ง ชื่อศาสตราจารย์ Eva Tornberg ซึ่งเธอได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรวมตัวกันของน้ำและน้ำมัน
โดยเธอก็ได้เลือกใช้มันฝรั่งและน้ำมันคาโนลาในการทำงานวิจัยชิ้นนี้
และจากผลการวิจัยนี้ ก็พบว่า การใช้ส่วนผสมอย่างมันฝรั่งกับน้ำมันคาโนลา ให้คุณประโยชน์ในแบบที่เธอต้องการ
อย่างเรื่องของปริมาณโอเมกา 3 ที่สูง หากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากพืชด้วยกัน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังเริ่มเลิกทานเนื้อสัตว์
เพราะคนกลุ่มนี้บางครั้งมักจะมีปัญหาได้รับปริมาณสารอาหารบางอย่างไม่เพียงพอ
ซึ่งโอเมกา 3 ก็เป็นหนึ่งในนั้น
โดยภายหลังจากที่ศาสตราจารย์ Eva Tornberg ทำการวิจัยสำเร็จแล้ว เธอก็ได้นำเอางานวิจัยนี้ไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของเธอ
จนในที่สุดก็ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทชื่อว่า The Foodie เครื่องดื่มลักษณะคล้ายกับสมูทที ที่ทำมาจากมันฝรั่ง น้ำมันคาโนลา และผลไม้ โดยให้คุณประโยชน์เสมือนขนมที่เอาไว้ทานระหว่างมื้ออาหาร ไม่ต่างจากพวกสแน็กบาร์
และสำหรับ “นมจากมันฝรั่ง” แบรนด์ DUG เองก็เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยของศาสตราจารย์ Eva Tornberg เช่นกัน
โดยนมจากมันฝรั่งนี้ไม่เพียงแค่เหมาะกับคนที่ทานอาหารมังสวิรัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่มีอาการแพ้สารจำพวกแล็กโทส กลูเทน และคนที่แพ้ถั่วเปลือกแข็งก็สามารถดื่มได้
นอกจากนี้ DUG ยังมีกรดโฟลิก วิตามินดี แคลเซียมสูง รวมถึงปริมาณน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวที่ต่ำด้วย
ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ การดื่มนมที่ผลิตจากมันฝรั่ง ยังดีต่อโลกมากกว่าการดื่มนมวัว เนื่องจากกระบวนการในการปลูกมันฝรั่งนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับฟาร์มเลี้ยงสัตว์
หนึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าทุก ๆ ครั้งที่สัตว์ตดออกมา จะผลิตก๊าซซึ่งส่งผลเสียต่อโลกในปริมาณที่สูง
โดยเฉพาะวัว ซึ่งปกติวัว 1 ตัว จะสามารถผลิตก๊าซมีเทนจากการตดได้เทียบเท่าหมู 40 ตัว และมากกว่าคนถึง 500-1,000 เท่าเลยทีเดียว
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเริ่มเห็นแล้วว่าทำไมนมที่มาจากพืชถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะแก้ปัญหาคนที่มีอาการแพ้นมวัวได้ และยังรักษ์โลกอีกด้วย
แต่สงสัยหรือไม่คะ ว่าทำไมต้องเป็น “นมจากมันฝรั่ง” ในเมื่อเราก็สามารถดื่มนมข้าวโอ๊ต หรือนมอัลมอนด์แทนได้เหมือนกัน
หากมองในแง่การผลิต สำหรับข้าวโอ๊ต จะใช้พื้นที่ในการปลูกมากกว่ามันฝรั่งถึง 50% แปลว่าในการผลิตจำนวนที่เท่ากัน นมจากมันฝรั่งจะใช้พื้นที่ในการปลูกวัตถุดิบเพียงครึ่งเดียวของนมข้าวโอ๊ต
ในขณะเดียวกันการผลิตนมจากถั่วอัลมอนด์นั้น จำเป็นต้องใช้น้ำในการผลิตเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับมันฝรั่งซึ่งเป็นพืชที่มีน้ำอยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงใช้น้ำในการผลิตที่น้อยกว่านั่นเอง
เรียกได้ว่านมจากมันฝรั่ง จึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมด้านอาหาร ที่อาจบ่งบอกได้ว่า
เทรนด์การทานอาหารอาจเปลี่ยนไป ไม่ใช่เพียงแค่ด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอีกด้วย..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ในปี 2015 ได้มีแบรนด์จากแคนาดาชื่อว่า Veggemo ผลิตนมที่ทำมาจากมันฝรั่ง รากมันสำปะหลัง และโปรตีนถั่ว ซึ่งวางจำหน่ายในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และจีน แต่ภายหลังก็ยกเลิกกิจการไป
ทำให้ในตอนนี้ DUG ถือว่าเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กลับมาเริ่มจำหน่ายนมจากมันฝรั่งอีกครั้ง
ซึ่งก็น่าติดตามว่า DUG จะสามารถพา “นมจากมันฝรั่ง” ไปได้ไกลแค่ไหน
เพราะแม้ว่าปัจจุบันแนวโน้มของผู้บริโภค
จะเริ่มหันมาตระหนักเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแล้ว
แต่ก็ยังถือเป็นกลุ่มที่เล็ก เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคหลัก
ที่ยังคงทานอาหารอย่างที่เราคุ้นชิน อย่างนมวัว อยู่
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่น่าจับตามองเลยทีเดียว..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.