กรณีศึกษา ผ้าอนามัยเอลิส กาวดี ไม่มีขยับ
Business

กรณีศึกษา ผ้าอนามัยเอลิส กาวดี ไม่มีขยับ

11 ส.ค. 2021
กรณีศึกษา ผ้าอนามัยเอลิส กาวดี ไม่มีขยับ /โดย ลงทุนเกิร์ล
เปิดหัวมาแบบนี้คุณผู้ชายอาจไม่เข้าใจว่า กำลังพูดถึงอะไร
แต่เชื่อว่าผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์แดงเดือดมาแล้ว คงนึกภาพตามได้ไม่ยาก
เพราะสำหรับผู้หญิงอย่างเรา ๆ พอถึงวันนั้นของเดือนทีไร ไหนจะปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน ยากจะคาดเดากว่าปกติ
และสิ่งที่พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ก็คงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายตัวที่สุด
ดังนั้น ผ้าอนามัยที่รู้ใจ จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในวันที่ไม่ต่างจากการออกศึกของผู้หญิง
ซึ่งศึกที่ว่า นอกจากจะต้องสู้แบบไม่มีพักตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังกินเวลาไม่แน่นอน บางคนโชคดีอาจจะแค่ 3-5 วัน แต่บางคนอาจจะยืดเยื้อร่วมสัปดาห์
พอเป็นแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่บรรดาผู้ผลิตผ้าอนามัย จะพยายามงัดสารพัดเทคโนโลยี มาเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติเรื่องการซึมซับ ลดกลิ่นอับ ระบายความชื้น ไปจนถึงผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอม
แต่หนึ่งในแบรนด์ที่ดูเหมือนว่าจะตีโจทย์ความต้องการของผู้หญิงได้แตกกว่าใคร
แถมทำผลงานได้โดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขาน คือ แบรนด์ผ้าอนามัยสัญชาติญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “เอลิส” (elis) ซึ่งยืนหนึ่งในเรื่องกาวติดแน่นไม่ห่อตัว
แล้วแบรนด์เอลิส น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
บางคนอาจจะคิดว่าแบรนด์เอลิส เป็นแบรนด์ผ้าอนามัยน้องใหม่ ที่เพิ่งแจ้งเกิดในตลาด
เพราะถ้านึกถึงแบรนด์ผ้าอนามัยที่คุ้นหู คงหนีไม่พ้น โมเดส, ลอรีเอะ, โซฟี หรือ​วิสเปอร์
แต่ถ้าวัดความอาวุโสกันจริง ๆ เอลิส ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ บริษัท ไดโอ เปเปอร์ คอร์ปอเรชั่น ก็จัดว่าเป็นแบรนด์ที่อายุไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ ที่กล่าวมาเลย
โดยมีอายุไล่เลี่ยกับโซฟี เพราะถือกำเนิดในปีเดียวกัน คือ ปี 1982 หรือเมื่อ 39 ปีก่อน ก่อนที่วิสเปอร์จะถือกำเนิดในปีถัดมา ขณะที่ลอรีเอะ มีอายุ 43 ปี ส่วนโมเดส มีอายุ 94 ปี
ซึ่งเหตุผลที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าเอลิสเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด​
ก็เพราะกว่าผ้าอนามัยเอลิสจะเข้ามาวางขายในประเทศเป็นครั้งแรก ก็หลังจากขายในญี่ปุ่นมาแล้ว 34 ปี
โดยในช่วงแรก สินค้าที่วางจำหน่ายยังอาศัยการผลิตจากญี่ปุ่นแล้วนำเข้ามา
จนกระทั่งในปี 2017 หรือ 1 ปี หลังจากเข้ามาเปิดตลาดในไทย ทางไดโอฯ จึงตัดสินใจขยายไลน์การผลิตผ้าอนามัยที่โรงงานในไทยเลย
ที่บอกว่าเป็นการขยายไลน์การผลิต เพราะจริง ๆ แล้ว ผ้าอนามัยเอลิส มีเจ้าของเดียวกับผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูปแบรนด์ GOO.N (กูนน์) ย่อมาจากคำว่า “Good Nappy” แปลว่า “ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ดี” ซึ่งเข้ามาทำตลาดในไทย ตั้งแต่ปี 2009 และหลังจากนั้น 2 ปี จึงมาตั้งโรงงานผลิตที่ไทย
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในไทยก่อน แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นคนละตลาดอย่างชัดเจน
ทำให้ในช่วงแรก เพื่อพิชิตใจสาวไทย เอลิสต้องงัดสารพัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้
เพื่อหวังชิงส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดในเวลานั้น ที่ล้วนเป็นแบรนด์นอกที่เข้ามาบุกตลาดก่อน
ไม่ว่าจะเป็น โมเดสและวิสเปอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ รวมถึงลอรีเอะและโซฟี ที่เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นเหมือนกัน
โดยหลังจากวิเคราะห์จากแบรนด์คู่แข่งแล้ว แน่นอนว่าโจทย์ใหญ่ของเอลิสในเวลานั้น คือ การหาจุดขายที่แตกต่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแพ็กเกจจิง ที่นำความน่ารักของตัวการ์ตูนอย่าง ลายหมี “Rilakkuma” มาใช้
ไปจนถึงการใช้พรีเซนเตอร์ตัวท็อป อย่าง แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ควบคู่ไปกับการปูพรมโฆษณาและโรดโชว์ไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อหวังให้ผู้บริโภคเปิดใจลองใช้
แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เป็นไม้เด็ดและสร้างกระแสบอกต่อให้แบรนด์ กลับไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา
เพราะสิ่งที่ทำให้เอลิสยืนหนึ่งในจักรวาลผ้าอนามัย กลับเป็นคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ที่ยืนหนึ่งไม่มีใครเกิน ในเรื่องของกาวที่ติดแน่น จนผ้าอนามัย ไม่มีคำว่าห่อตัวหรือขยับ ไม่ว่าจะตอนหลับหรือตอนตื่น
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมกาวของผ้าอนามัยเอลิสถึงเหนียวได้ใจมหาชนเบอร์นี้
แน่นอนว่า นี่คือความลับสุดยอดที่คนอยากรู้ แต่แบรนด์ไม่อาจเฉลยได้
บอกได้เพียงแค่ว่าเป็นกาวชนิดพิเศษ ที่ไม่ว่าจะขยับท่าไหน ก็ไม่มีทางเลื่อนหลุด​
แต่ที่แน่ ๆ คือ ด้วยพื้นฐานของแบรนด์ ที่อยู่ภายใต้บริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมกระดาษชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น
โดยนอกจากผ้าอ้อมเด็กกูนน์ ยังเป็นผู้ผลิตกระดาษทิชชูเปียกเอลิแอล กระดาษเช็ดหน้าเอลิแอล และยังมีกระดาษทิชชูม้วนสำหรับใช้ในห้องน้ำตราเอลิแอลด้วย
ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับเรื่องของผิวสัมผัสที่เน้นความอ่อนโยนต่อผิว และเรื่องของความสะอาด ถูกหลักอนามัย ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของผ้าอนามัยอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่นอกจากเรื่องกาวที่ติดดี ไม่มีขยับแล้ว เรื่องการซึมซับ ความอ่อนโยน และอาการแพ้ที่ผู้หญิงหลายคนเคยกังวล จึงแทบจะหมดไป
เพราะทางแบรนด์ มี Know-how เป็นอย่างดี แถมยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็ก ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องความอ่อนโยนกับผิวสัมผัสเป็นพิเศษอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากชวนคิดต่อ คือ เบื้องหลังความดีงามของกาวที่ติดแน่น ที่ทำให้ใครได้ลองต่างติดใจ ก็มีบางคนที่อดแซวไม่ได้ว่า “กาวของเอลิสเหนียว จนถึงขั้นต้องยอมสละกางเกงชั้นใน เพราะแกะไม่ออก”
ทำให้บางคนถึงกับยกธงขาว ต้องยอมปันใจไปใช้แบรนด์อื่น
เพราะแม้จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ดีก็จริง แต่บางคนก็อาจจะทำใจไม่ได้ ถ้าต้องสละกางเกงชั้นในตัวโปรด หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่าเอลิสสะดวกสบายตอนสวมใส่ก็จริง แต่ไม่ตอบโจทย์หลังใช้งาน
มองผิวเผิน นี่อาจเป็นเรื่องตลก ที่ลูกค้าหยิกแกมหยอกแบรนด์
แต่ก็น่าคิดเหมือนกันว่า ถ้าวันหนึ่งเอลิส สามารถก้าวไปอีกขั้น
ด้วยการผลิตผ้าอนามัยที่กาวเหนียว ติดแน่น แต่กลับลอกออกง่าย ก็คงจะดีไม่น้อย..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.