SC ASSET X ลงทุนเกิร์ล

Hyper-personalized คือ หนึ่งในเทรนด์การตลาดรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ
โดยการตลาดในรูปแบบนี้ จะไม่เน้นแค่การรู้จักผู้บริโภคของเราแบบกว้าง ๆ
แต่จะเป็นการเข้าใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และมีการวิเคราะห์ข้อมูล จากการเก็บข้อมูลในหลาย ๆ มิติ

ซึ่งหนึ่งในบริษัทไทยที่เริ่มหันมาใช้การตลาดรูปแบบ Hyper-personalized นี้ก็คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่าง “SC ASSET” ที่เพิ่งจะเปิดตัวแบบบ้านซีรีส์ใหม่ในชื่อ “LANAI” (ลา-ไน) ไม่นานนี้

แล้ว SC ASSET นำการตลาดแบบ Hyper-personalized นี้มาประยุกต์ใช้อย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..

จากผลการสำรวจลูกค้าของ SC ASSET พบว่า
ด้วยสถานการณ์โควิด 19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้ผู้คนใช้เวลาที่บ้านมากขึ้น และเริ่มเห็นความสำคัญของการอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในพฤติกรรมที่ตามมาก็คือ ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจกับการตกแต่ง และเปลี่ยนมุมต่าง ๆ ในบ้านให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น

อย่างเช่น บางคนชอบออกกำลังกาย จากเดิมทีมักจะไปใช้บริการที่ฟิตเนสเป็นประจำ
แต่ตอนนี้ก็ได้หันมาทำห้องฟิตเนสส่วนตัวที่บ้าน หรือบางกลุ่มที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ ก็ได้ตกแต่งโซนใหม่ของบ้านให้เป็นมุมชงกาแฟ ที่มีอุปกรณ์สารพัดชนิด

ทั้งหมดนี้ทำให้ SC ASSET เห็นว่า ผู้คนเริ่มมองบ้านไม่ใช่แค่ที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ และนี่จึงกลายเป็นที่มาของแบบบ้านซีรีส์ใหม่ “LANAI” ภายใต้แบรนด์ Bangkok Boulevard

โดยบ้านในซีรีส์ LANAI เกิดขึ้นจากแนวคิดที่เน้นให้ความสำคัญกับ “Space” เป็นหลัก

สำหรับ Space ที่ซีรีส์ LANAI มีเป็นมาตรฐานคือ บริเวณ “Indoor” ที่มีพื้นที่ใช้สอยสุดกว้างขวาง และบริเวณ “Outdoor” ที่ตอบโจทย์คนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ให้บ้านดูใกล้ชิดธรรมชาติก็ได้เช่นกัน

แต่ไฮไลต์จริง ๆ ของซีรีส์ LANAI จะอยู่ตรงพื้นที่ที่เรียกว่า LANAI ตามชื่อของซีรีส์

โดย LANAI มีความหมายว่า “ระเบียงในร่ม” หรือเป็นพื้นที่แบบ “Semi-outdoor” ที่เราสามารถออกไปรับลม ชมวิวข้างนอกได้ แต่ก็ยังคงอยู่ในส่วนของอาคารบ้าน ที่มีหลังคากันแสงแดดให้เรา ซึ่ง LANAI ก็เปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อของบ้าน ที่ผสมผสานระหว่าง Indoor และ Outdoor

และที่น่าสนใจ คือ พื้นที่ LANAI ในบ้านของ SC ASSET ก็ไม่ใช่แค่ระเบียงแคบ ๆ แบบทั่ว ๆ ไป

แต่เป็น “ครั้งแรก” ของบ้าน SC ASSET ที่มีบริเวณ Semi-outdoor ขนาดใหญ่
ซึ่งถูกออกแบบมาให้ลูกบ้านสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ เพื่อใช้ทำกิจกรรมที่ต้องการได้หลากหลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็นโซนปาร์ตี, มุมจิบกาแฟ, จุดพักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้กระทั่งทำเป็นโซนออกกำลังกายก็ได้

และพื้นที่ในส่วน LANAI นี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลายคน
เพราะบ้านโครงการส่วนใหญ่ที่มีระเบียง ก็มักจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่แสงแดดส่องเข้ามาเต็ม ๆ ทำให้เจ้าของบ้านหลายรายต้องต่อเติมหลังคาเข้ามาเพิ่ม

ดังนั้น การที่ SC ASSET ได้เปิดตัวซีรีส์ LANAI นี้ออกมา ก็สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทให้ความสนใจและติดตามความต้องการของลูกค้าว่า เมื่อเขาซื้อบ้านไปแล้ว พวกเขาปรับปรุงบ้านต่ออย่างไร ให้ทุกพื้นที่ในบ้านสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

เพราะหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใครหลายคน ไม่ค่อยออกไปใช้พื้นที่ Outdoor บ่อย ๆ นัก ก็เพราะเรื่องของสภาพอากาศ ที่บางวันก็แดดแรง แต่บางวันฝนก็ตกหนัก และสุดท้ายจึงทำให้หลายคนเลือกที่จะอยู่แค่ในตัวบ้าน ส่วนพื้นที่ Outdoor ก็ไม่ได้ถูกใช้ได้เต็มที่นั่นเอง ซึ่งการเพิ่มพื้นที่ส่วน LANAI เข้ามานี้ ก็จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้งานได้บ่อยขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของซีรีส์ LANAI ก็คือ “Dynamic Facade” หรือ ระแนงไม้ด้านหน้าบ้าน ที่สามารถ “เปิด-ปิด” ได้ตามใจ

เพราะด้วยความที่ LANAI เป็นพื้นที่แบบ Semi-outdoor ที่ให้ความรู้สึกโล่งสบาย
แต่ก็อาจตามมาด้วยเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่คนข้างนอกอาจจะมองเข้ามาเห็นได้

ดังนั้น SC ASSET จึงได้ใส่ Dynamic Facade เข้ามา เพื่อให้ในบางวันที่เจ้าของบ้าน ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถพับระแนงปิดได้

และถึงแม้ว่าจะปิดระแนงไปแล้ว แต่ตัวบ้านก็ยังให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ที่ไม่ดูปิดทึบจนเกินไป จนทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด เพราะยังคงมีแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านระแนงไม้เข้ามาได้

นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองก็คือ ซีรีส์ LANAI จะเข้ามาแทนที่แบบบ้านเดิมของ SC ASSET อย่าง Luxury Nordic ทำให้ในอนาคตบ้านเดี่ยวของ SC ASSET ภายใต้แบรนด์ Bangkok Boulevard จะมีพื้นที่ในส่วนเสริมเข้ามาด้วย ซึ่งนี่หมายความว่าบริษัท SC ASSET น่าจะศึกษามาอย่างดีแล้วว่า พื้นที่แบบ LANAI กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

มาถึงตรงนี้ หากใครที่กำลังสนใจและอยากไปดูของจริง คงต้องบอกว่ามาถูกจังหวะ เพราะล่าสุด SC ASSET ได้เปิดตัวโครงการ Bangkok Boulevard ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ LANAI Series ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 10-20 ล้านบาท และในซีรีส์นี้จะมีแบบบ้านด้วยกัน 3 แบบ คือ

แบบที่ 1 CAPTIVATE บ้านขนาด 360 ตร.ม.

5 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ,
1 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนด้านบน,
1 ห้องครัว, 1 ห้องรับประทานอาหาร,
1 ห้องแม่บ้าน และ 3 ที่จอดรถ

แบบที่ 2 SHADE บ้านขนาด 279 ตร.ม.

5 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ,
1 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนด้านบน,
1 ห้องครัว, 1 ห้องรับประทานอาหาร และ 2 ที่จอดรถ

แบบที่ 3 CALM บ้านขนาด 231 ตร.ม.

4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ,
1 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนด้านบน,
1 ห้องครัว, 1 ห้องรับประทานอาหาร และ 2 ที่จอดรถ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://m.scasset.com/5eZl