กรณีศึกษา ทำไม “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ” ถึงกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
Business

กรณีศึกษา ทำไม “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ” ถึงกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

26 ก.พ. 2022
กรณีศึกษา ทำไม “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ” ถึงกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ว่าประเทศที่มีจำนวนตู้กดสินค้าอัตโนมัติมากที่สุดในโลกไม่ใช่ญี่ปุ่น แต่เป็นสหรัฐฯ
แต่ถ้าหากนับจำนวนตู้กดสินค้าอัตโนมัติ 1 เครื่องต่อจำนวนประชากร ญี่ปุ่นก็ยังถือเป็นอันดับ 1
โดยอัตราส่วนตู้กดสินค้าอัตโนมัติ 1 เครื่องต่อประชากร 30 คน
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเอง ก็เริ่มมีจำนวนตู้กดสินค้าอัตโนมัติให้เราได้เห็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งไม่ใช่แค่ตู้กดเครื่องดื่มเท่านั้น แต่รวมไปถึงตู้กดสินค้าประเภทอื่น ๆ ด้วย
แล้วทำไมตู้กดสินค้าอัตโนมัติถึงเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ถ้าหากพูดถึงตู้กดสินค้าอัตโนมัติกับคนที่ใช้ชีวิตในช่วงปี 2000 ในไทยก็น่าจะมีภาพจำคล้าย ๆ กัน เป็นตู้กดน้ำปุ่มกด พร้อมไฟสีแดงหลังหยอดเหรียญที่บอกว่า สินค้าชิ้นไหนยังเหลืออยู่บ้าง
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่คนยุคนั้นใช้บ่อย ๆ และการเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหลาย ๆ ครั้ง ก็อาจเป็นวิธีที่ง่ายกว่า
เพราะไม่ต้องมานั่งหาเหรียญ ที่สำคัญตัวเลือกในร้านสะดวกซื้อก็มีเยอะกว่า รวมถึงจำนวนตู้กดสินค้าก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่เท่าร้านสะดวกซื้อ
แล้วทำไมประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องจำนวนร้านสะดวกซื้อไม่ต่างจากประเทศไทย กลับโด่งดังในเรื่องของตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ และคนในประเทศก็ยังคงใช้งานตู้อัตโนมัติอยู่ตลอด
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราการเกิดอาชญากรรมภายในประเทศค่อนข้างต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการวางใจได้ประมาณหนึ่ง ว่าจะไม่มีขโมยมาทำลายตู้เพื่อเอาเงินด้านใน
ส่วนต่อมาคือ พฤติกรรมความรีบร้อนของคนญี่ปุ่น หรือกลุ่มคนทำงานที่ต้องการความทันใจ
การซื้อสินค้ากับตู้ขายอัตโนมัติจึงเป็นทางเลือกที่รวดเร็วกว่า รวมถึงราคาของสินค้าที่ขายในตู้จำหน่าย
โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มกระป๋องก็มีราคาที่เข้าถึงง่ายคือ 100 เยน หรือประมาณ 30 บาทเท่านั้น
และอีกสาเหตุที่ทำให้เห็นตู้กดสินค้าเต็มไปหมด ก็เป็นเพราะใคร ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของตู้กดสินค้าได้ โดยถ้าหากใครอยากจะตั้งตู้จำหน่ายสินค้า ก็เพียงแค่ติดต่อโรงงานและพื้นที่ที่ต้องการจะตั้งตู้ ก็เป็นอันเสร็จ
จึงไม่แปลกที่บางครั้งเราจะเห็นตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่ไม่คาดคิด เช่น ตู้ขายสินค้าจากผักชี หรือตู้ขายขนมเค้ก
กลับมาทางด้านประเทศไทยที่ในช่วงเวลาต่อมา ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติก็เริ่มมีการพัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้น เช่น หน้าจอที่เปลี่ยนเป็นระบบสัมผัส เพื่อแก้ปัญหาปุ่มเสียกดไม่ติด หรือระบบการชำระเงินด้วย QR Code
ผ่านตัวกลางต่าง ๆ เช่น AirPay, Rabbit LINE Pay หรือการโอนผ่านระบบธนาคาร
และไม่ใช่แค่การปรับตัวด้านการจ่ายเงินเท่านั้น ยังรวมไปถึงสินค้าในตู้ที่หลากหลายมากขึ้น
เช่น ตู้ขายเสื้อยืด, ตู้ขายน้ำส้มคั้นอัตโนมัติ, ตู้ขายไอศกรีม หรือแม้แต่ตู้ขายต้นไม้
แต่ถ้าหากพูดถึงตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่กำลังเป็นตู้ฮอตฮิตในประเทศไทยตอนนี้ ไม่ว่าจะตามตึกสำนักงาน คอนโดมิเนียม หรือรถไฟฟ้า น่าจะหนีไม่พ้นตู้จำหน่ายเครื่องดื่มของ “เต่าบิน”
ซึ่งจริง ๆ แล้วตู้กดน้ำลักษณะคล้ายเต่าบินก็อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว หรือก็คือตู้ที่สามารถชงเครื่องดื่มให้เราได้ทันทีจากตู้
แล้วเต่าบินแตกต่างอย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นตู้กดน้ำ ที่บางคนต้องยอมต่อแถวเพื่อซื้อสินค้า ?
แน่นอนว่าข้อดีของตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่ได้กล่าวไปแล้ว คือเรื่องความสะดวกและรวดเร็ว
แต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความนิยมมากขึ้น
อย่างแรกคือ เมนูที่มีให้เลือกหลากหลายกว่าร้านขายน้ำปกติ
ปกติเมนูตามร้านกาแฟทั่วไปน่าจะมีเมนูอยู่ไม่เกิน 20-30 เมนู เพราะปัญหาด้านการสต็อกวัตถุดิบ แต่เต่าบินมีเครื่องดื่มให้เลือกถึง 170 เมนู และสามารถสั่งได้ทั้งแบบร้อน เย็น และปั่น
ที่สำคัญคือ ลูกค้าสามารถเลือกระดับความหวานของเครื่องดื่มได้ 5 ระดับ
อย่างต่อมาคือ ซื้อสินค้าได้ 24 ชั่วโมง
ถ้าหากเทียบกับร้านขายสินค้าทั่วไป ก็จะมีเวลาเปิดปิดร้าน เป็นกิจจะลักษณะอยู่แล้ว ทำให้ตู้เต่าบินเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเครื่องดื่มในเวลาที่ร้านอื่น ๆ ไม่ได้ให้บริการ
และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สถานที่บริการของตู้เต่าบิน
โดยตู้เต่าบินมักจะตั้งอยู่บริเวณที่มีการสัญจรไปมาของคนตลอดเวลาอย่าง สถานีรถไฟฟ้า ใต้ตึกสำนักงาน บริเวณคอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
และหากมองอีกมุมในด้านผู้ประกอบการ การเปลี่ยนจากเปิดหน้าร้าน มาเป็นตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ก็ส่งผลดีต่อบริษัทเช่นกัน
ข้อดีหลัก ๆ ของการใช้งานตู้ขายสินค้าอัตโนมัติคือเรื่องของ “ต้นทุน”
ถ้าเป็นการเปิดหน้าร้าน ก็อาจมีทั้งค่าก่อสร้างร้าน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าบำรุงรักษาร้าน รวมถึงค่าสวัสดิการของพนักงาน
ในขณะที่หากเป็นตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ต้นทุนก็อาจเหลือแค่ เรื่องค่าเช่าพื้นที่ ค่าตู้ และค่าบำรุงรักษาเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “พื้นที่” เนื่องจากขนาดของตู้ขายสินค้าอัตโนมัติมีขนาดเล็ก ทำให้ค่าเช่าที่ ก็อาจต่ำกว่าการเปิดหน้าร้าน
และในอีกมุมหนึ่ง ยังทำให้ตัวตู้สามารถเข้าไปวางในสถานที่ที่มีพื้นที่น้อยได้ จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลาย ๆ คอนโดมิเนียม หรือตามอาคารต่าง ๆ เริ่มมีตู้ขายสินค้าอัตโนมัติจากร้านค้าต่าง ๆ เข้าไปวางมากขึ้น
ที่น่าสนใจคือ การวางตู้ขายสินค้าอัตโนมัติยังไม่ได้ส่งผลดีแค่ในเรื่องการขยายพื้นที่การเข้าถึงของลูกค้า
แต่ยังเป็นเรื่องการสร้างการรับรู้ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ได้ด้วย เพราะลูกค้าจะพบเห็นเราในทุก ๆ ที่ที่ไป
คล้ายกับกรณีตู้เต่าบินที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน เราก็จะพบเห็นจนทำให้เกิดการจดจำได้
อย่างไรก็ตาม ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติก็ยังมีข้อเสียอยู่ โดยเฉพาะในยุคโรคระบาดแบบปัจจุบัน
เพราะการใช้จ่ายผ่านตู้จำเป็นต้องใช้การสัมผัส และบริเวณตู้ก็อาจไม่ได้มีคนคอยทำความสะอาดตลอด ทำให้บริเวณตู้ มีโอกาสที่จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจากผู้ใช้งานได้
เรียกได้ว่า “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ” ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาด ที่น่าสนใจเลยทีเดียว
และยิ่งมีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็คงยิ่งส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า ที่มาใช้บริการให้ดียิ่งขึ้นด้วย
เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เลือกมากดซื้อสินค้าจากตู้
คงไม่ได้หวังแค่สินค้าเพียงอย่างเดียว
แต่น่าจะรู้สึกสนุกกับการที่ได้เป็นคนกดปุ่มต่าง ๆ และรอรับสินค้า
แทนที่จะเดินไปจ่ายเงินกับพนักงานเฉย ๆ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตามร้านทั่วไป เช่นกัน..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.