รู้จัก Stüssy แบรนด์สตรีตแวร์ รุ่นเก๋า จากลูกค้ากลุ่มเซิร์ฟบอร์ด สู่แบรนด์ขวัญใจเหล่า เซเลบริตี
Business

รู้จัก Stüssy แบรนด์สตรีตแวร์ รุ่นเก๋า จากลูกค้ากลุ่มเซิร์ฟบอร์ด สู่แบรนด์ขวัญใจเหล่า เซเลบริตี

29 เม.ย. 2023
รู้จัก Stüssy แบรนด์สตรีตแวร์ รุ่นเก๋า จากลูกค้ากลุ่มเซิร์ฟบอร์ด สู่แบรนด์ขวัญใจเหล่า เซเลบริตี /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าให้บอกชื่อแบรนด์สตรีตแวร์ชื่อดัง เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึง Supreme, OFF-WHITE หรืออาจจะเป็น A Bathing Ape (BAPE) ขึ้นมาเป็นชื่อแรก ๆ
แต่รู้ไหมว่า ยังมีอีกหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน แถมยังแจ้งเกิดมาก่อนทุกแบรนด์ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ซึ่งแบรนด์ที่ว่านี้ก็คือ “Stüssy” (อ่านว่า สตูซี) จากประเทศสหรัฐอเมริกา
แถมแบรนด์ Stüssy ยังมีลูกค้าเป็นถึงเซเลบริตี และคนดังระดับโลกมากมาย ทั้งลิซ่า BLACKPINK, IU, Kendall Jenner ไปจนถึงแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Travis Scott
มากไปกว่านั้น ไม่ว่าจะมีแบรนด์คู่แข่งรายล้อม หรือเทรนด์แฟชั่นจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
แต่ Stüssy กลับคงความเก๋า แรงดีไม่มีตก และยังคงได้รับความนิยม มายาวนานกว่า 40 ปี
แล้วเรื่องราวของแบรนด์ Stüssy น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1979 แบรนด์ Stüssy ถือกำเนิดขึ้นจากชายที่ชื่อว่า คุณ Shawn Stussy ผู้ที่หลงใหลในการเล่นกระดานโต้คลื่น หรือเซิร์ฟบอร์ด จนได้ตัดสินใจมาเปิดธุรกิจผลิตและออกแบบเซิร์ฟบอร์ด เป็นของตนเอง อยู่แถวชายหาดลากูนาบีช ที่แคลิฟอร์เนีย
โดยสไตล์การออกแบบเซิร์ฟบอร์ดของเขา เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเขาได้นำลายเซ็น ชื่อสกุลของตนเอง ที่ระบุว่า “Stüssy” มารังสรรค์เป็นโลโกประจำแบรนด์และสินค้า เพื่อให้มีความโดดเด่นและจดจำง่าย
ซึ่งดิไซน์ของโลโกอันเป็นเอกลักษณ์นี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากแท็กกราฟฟิตี ที่เป็นศิลปะการพ่นลวดลาย หรือนามแฝงของตนเองลงบนกำแพง ตามสไตล์หมู่ชาวพังก์ร็อกและฮิปฮอปที่เขาชื่นชอบ ซึ่งเป็นการสื่อถึงจิตวิญญาณความเป็นศิลปินอันแสนขบถ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรก ๆ แบรนด์ Stüssy นั้น จะเน้นขายสินค้าเฉพาะเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Stüssy ก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นสตรีตแวร์ ก็ได้เริ่มขึ้น
เมื่อคุณ Stussy ได้ตัดสินใจลองนำโลโก Stüssy มาสกรีนลงบนเสื้อยืด เพื่อนำไปขายควบคู่กับเซิร์ฟบอร์ด ที่งาน Action Sports Retailer ในปี 1982 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่
ในตอนแรกเขาแค่ต้องการเอาเสื้อยืด มาเรียกความสนใจจากลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น แต่กลายเป็นว่า เสื้อยืดกลับเป็นสินค้าที่ขายดีแทน โดยเพียงแค่ 3 วัน เขาสามารถขายเสื้อยืดไปได้กว่า 1,000 ตัว เลยทีเดียว
ซึ่งสาเหตุที่เสื้อยืดของ Stüssy ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า เนื่องจากมันเป็นดิไซน์ที่แปลกใหม่ เท่ ไม่ซ้ำใคร และด้วยความไม่เหมือนใครนี่แหละ จึงโดนใจไลฟ์สไตล์แฟชั่น ชาวพังก์ร็อก ฮิปฮอป สเกตบอร์ด และเซิร์ฟบอร์ด ที่ในสมัยนั้นกำลังเป็นที่นิยมเอามาก ๆ
เมื่อกระแสตอบรับของเสื้อยืดดีเกินต้าน คุณ Stussy จึงได้เพิ่มไลน์เสื้อผ้าแนวสตรีตแวร์ เข้ามาขายในร้านไปด้วยเสียเลย เพื่อขยายธุรกิจและสินค้าของแบรนด์ ให้มีความหลากหลายมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่คุณ Stussy ไม่ค่อยถนัดเรื่องการทำการตลาดมากนัก เขาจึงได้คุณ Frank Sinatra ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เคยเล่นเซิร์ฟด้วยกัน เข้ามาเป็นหุ้นส่วนช่วยอีกคน
จากความร่วมมือของทั้งคู่ ก็ทำให้ในปี 1984 แบรนด์ Stüssy ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท และแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ จนเมื่อยอดขายเสื้อผ้าเริ่มเติบโตขึ้น พวกเขาก็ค่อย ๆ ลดการขายเซิร์ฟบอร์ด แล้วหันมาโฟกัสที่เสื้อผ้าแทน
ในช่วงหลังจากนั้น แบรนด์ Stüssy ถือได้ว่าประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการขยายสาขาใหม่ ๆ ทั้งภายในประเทศ​และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ซึ่งในปี 1991 ก็ได้เปิดร้าน Flagship Store แห่งแรกของแบรนด์ในเมืองนิวยอร์ก
และที่นี่ก็ได้คุณ James Jebbia หรือผู้ก่อตั้งแบรนด์ Supreme มาเป็นผู้จัดการร้านด้วย ก่อนที่เขาจะลาออกไปสร้างแบรนด์ของตนเอง
จนกระทั่งในปี 1996 คุณ Stussy ก็ตัดสินใจวางมือจาก Stüssy เพื่อกลับไปใช้ชีวิตและให้เวลากับครอบครัว
เขาเลยขายหุ้นของบริษัท ให้กับคนในตระกูล Sinatra และนับตั้งแต่นั้นมา แบรนด์ Stüssy จึงอยู่ภายใต้การบริหารของครอบครัว Sinatra มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งในตอนนี้ Stüssy ก็เติบโตจนมีหน้าร้านแบบสแตนด์อะโลนของตัวเอง อยู่ทั้งหมด 32 สาขาทั่วโลก
นอกจากนี้แบรนด์ ก็ได้แตกไลน์สินค้าให้หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่หมวก, แจ็กเก็ต, แว่นตา, กระเป๋า, ถุงเท้า และของตกแต่งบ้าน
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่าแบรนด์ Stüssy ขายดีแค่ไหน ?
มีแหล่งข้อมูลได้เปิดเผยว่า ในปี 2020 แบรนด์ Stüssy สามารถทำรายได้ ได้มากกว่า 1,752 ล้านบาท
และในปี 2021 สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นไปอีก เป็น 1,992 ล้านบาท
แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Stüssy ประสบความสำเร็จ และยังคงครองใจผู้คนได้จนถึงวันนี้ ?
-อิทธิพลของวัฒนธรรมพังก์ร็อก และฮิปฮอป
ด้วยความที่ Stüssy ถือกำเนิดในช่วงยุค 70-80 ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมดนตรี ศิลปะ และแฟชั่น สไตล์พังก์ร็อกและฮิปฮอป กำลังบูมเป็นอย่างมาก ประกอบกับผู้ก่อตั้งเอง ก็ชื่นชอบและหลงใหลในวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทำให้เขาจึงเข้าใจและรู้ดีว่ากลุ่มคนเหล่านี้ ชื่นชอบอะไร มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน และเทรนด์แบบไหนกำลังเป็นที่นิยม ส่งผลให้ทุกการออกแบบของ Stüssy จึงโดนใจกลุ่มคนเหล่านี้ได้ไม่ยาก
ที่สำคัญ Stüssy ไม่ได้เป็นแค่เพียงแฟชั่น แต่มันยังสามารถใช้แสดงถึงรสนิยม และจุดยืนในค่านิยมของคนเหล่านี้ได้อีกด้วย
-การร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
การมีฐานลูกค้าอยู่แค่เฉพาะกลุ่มพังก์ร็อก ฮิปฮอป หรือเซิร์ฟบอร์ดเพียงอย่างเดียว อาจเป็นข้อจำกัดในการสร้างการเติบโต และการผลักดันแบรนด์ให้มีชื่อเสียงในวงกว้าง
ดังนั้น Stüssy จึงพาตัวเองออกไปจับมือกับแบรนด์อื่น ๆ เพื่อทำสินค้ารุ่นลิมิติดอิดิชัน และขยายฐานลูกค้าร่วมกัน เช่น
ในปี 2001 Stüssy x Nike ออกรองเท้า Nike Dunk High ที่มีจำนวน 5,000 คู่ ซึ่งถูกขายหมดภายใน 2 วันเท่านั้น
หรือในปี 2010 Stüssy x Supreme กับคอลเลกชันเสื้อยืดครบรอบ 30 ปีของ Stüssy ที่แฟนสตรีตแวร์ต่างควักเงินออกมาจับจองความเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ Stüssy ยังได้ไปคอลแลบกับแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมายทั้ง VANS, CONVERSE, Levi's®, New Balance, G-Shock, COMME des GARÇONS หรือแบรนด์หรูอย่าง Dior
ซึ่งการได้จับมือร่วมกับแบรนด์อื่น นอกจากจะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าแล้ว
ยังเป็นการเปิดเส้นทางสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่อาจไม่รู้จักหรือไม่เคยสนใจตัวแบรนด์มาก่อนด้วย
คุณภาพสมราคา
สินค้าของ Stüssy จะเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงในการผลิต อีกทั้งแบรนด์ยังใส่ใจทุกงานดิไซน์ ที่ออกแบบ เพื่อคงความเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้ ทำให้ไม่ว่าจะทำสินค้ารุ่นไหน ๆ ออกมา ลูกค้าก็ยังติดใจในคุณภาพ และดิไซน์เท่ ๆ ของแบรนด์
เหมือนกับคำที่ว่า สินค้าที่ดี ย่อมขายตัวของมันเองได้ นั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องราวของ Stüssy แบรนด์สตรีตแวร์รุ่นเก๋า ที่รู้จักปรับตัวอยู่เสมอ
จนสามารถครองใจลูกค้า มานานกว่า 40 ปี และมีฐานแฟนคลับตั้งแต่คนทั่วไป ไปจนถึงเซเลบริตี และคนที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.