“ไวน์” อีกหนึ่งธุรกิจ ของครอบครัว Chanel
Business

“ไวน์” อีกหนึ่งธุรกิจ ของครอบครัว Chanel

28 มิ.ย. 2023
“ไวน์” อีกหนึ่งธุรกิจ ของครอบครัว Chanel /โดย ลงทุนเกิร์ล
หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่า คุณ Alain และคุณ Gérard Wertheimer
หรือสองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ เจ้าของแบรนด์ Chanel ที่มีทรัพย์สินรวมกันกว่า 2,133,000 ล้านบาท
เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยปรากฏตัวตามสื่อ พื้นที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งงานอิเวนต์ของแบรนด์ตัวเอง
จนถูกเรียกว่า “สองพี่น้องในวงการแฟชั่นที่รวยเงียบที่สุด”
ดังนั้น น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ทรัพย์สินของทั้งคู่ไม่ได้มาจากธุรกิจแบรนด์หรูอย่าง Chanel เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ในมืออีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น การถือหุ้นใน Ulta ธุรกิจร้านค้าปลีกเครื่องสำอาง และธุรกิจเพาะพันธุ์ม้าแข่ง
รวมถึงมีอีกหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “ธุรกิจไวน์”
ที่สองพี่น้องคู่นี้ ชื่นชอบเป็นพิเศษ
เรื่องราวธุรกิจไวน์ของสองพี่น้องเจ้าของ Chanel น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า คุณ Alain และคุณ Gérard Wertheimer เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตน
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องธุรกิจของพวกเขา นอกเหนือจากแบรนด์ Chanel เรื่องราวชีวิตส่วนตัว หรือแม้กระทั่งความชอบในการดื่มไวน์ของสองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ จนมีธุรกิจ “ไวน์” ถูกเพิ่มเข้าไปในพอร์ตธุรกิจอย่างเงียบ ๆ
โดยสองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ เริ่มกว้านซื้อไร่องุ่นระดับพรีเมียมใน Bordeaux เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์แดงของฝรั่งเศส มาแล้วถึง 3 แห่ง ตั้งแต่ปี 1994
แน่นอนว่า เราแทบไม่เคยได้ยินข่าวสาร เกี่ยวกับธุรกิจไวน์ของพวกเขาเลย ซึ่งนั่นคือความตั้งใจของพวก ที่อยากทำธุรกิจไวน์เพราะความรัก และไม่ใช่เพื่อต้องการขยายธุรกิจเครื่องดื่มให้กับแบรนด์ Chanel
อย่างไรก็ตาม สองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ ก็ไม่ได้หยุดขยายธุรกิจเพียงเท่านี้
เพราะในปี 2015 ทั้งคู่ก็ตัดสินใจซื้อกิจการไร่ไวน์ นอกประเทศฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก
ที่ St. Supéry Estate Vineyards and Winery
ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ ที่ตั้งอยู่บน Napa Valley
หรือที่ตั้งของที่ดินไร่องุ่น ที่แพงที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้ St. Supéry Estate Vineyards and Winery เป็นธุรกิจไร่ไวน์เก่าแก่ โดยครอบครัวชาวฝรั่งเศสตระกูลหนึ่ง ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไวน์มาแล้วถึง 4 รุ่น
ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ มีไร่องุ่นกว่า 500 เอเคอร์ และมีโรงบ่มไวน์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไวน์ขาว Sauvignon Blanc และไวน์แดงยอดนิยมอย่าง Cabernet Sauvignon โดยผลิตได้ประมาณ 100,000 ลังต่อปีเลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลที่สองพี่น้องคู่นี้ เลือกข้ามฟากมาลงทุนในไร่ไวน์ที่สหรัฐอเมริกา หรือมาเปิดตลาดไวน์โลกใหม่ ทั้ง ๆ ที่มีไร่ไวน์อยู่ที่ฝรั่งเศสอยู่แล้ว
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะตลาดไวน์ของสหรัฐอเมริกา มีขนาดใหญ่ และเป็นตลาดที่เติบโตที่สุดในโลก
ที่สำคัญ Napa Valley ยังโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางสำหรับคอไวน์ เพราะเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่อุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกองุ่นได้หลายสายพันธุ์ และมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตไวน์ ที่มีคุณภาพดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ต่อมา ในปี 2019 สองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ ยังได้เข้าซื้อไร่องุ่นอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นแห่งที่ 5
ที่ Domaine De I’lle ไร่องุ่นในเกาะเล็ก ๆ ของแคว้น Provence ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิต Rosé Wine หรือไวน์โรเซของฝรั่งเศส
เรียกได้ว่า ธุรกิจไร่ไวน์ และไวน์ ของครอบครัว Chanel ก็เริ่มกระจายไปในหลายพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับประเภทของไวน์ ที่แทบจะครบทุกแบบ
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของ ธุรกิจไวน์ จากสองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ แห่ง Chanel ที่เกิดจากความชื่นชอบส่วนตัวของพวกเขา
และหาก Chanel ประกาศธุรกิจนี้อย่างเปิดเผย เหมือนแบรนด์แฟชั่นหรูอื่น ๆ
เชื่อว่า ทั้งคอไวน์และแฟน ๆ ของแบรนด์หรู Chanel คงต้องอยากลองชิมไวน์ของสองพี่น้องเวิร์ทไฮเมอร์ สักครั้งอย่างแน่นอน..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.