คุยกับเจ้าของ Gala Camille ลิปแท่งเขียวตัวดังใน TikTok ทำอย่างไรให้ขายหมด 50,000 แท่ง ใน 7 วัน
Business

คุยกับเจ้าของ Gala Camille ลิปแท่งเขียวตัวดังใน TikTok ทำอย่างไรให้ขายหมด 50,000 แท่ง ใน 7 วัน

8 ก.พ. 2024
คุยกับเจ้าของ Gala Camille ลิปแท่งเขียวตัวดังใน TikTok ทำอย่างไรให้ขายหมด 50,000 แท่ง ใน 7 วัน /โดย ลงทุนเกิร์ล
Gala Camille คือ แบรนด์เครื่องสำอางน้องใหม่ ที่กำลังเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้
และถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางของไทยเจ้าแรก ๆ ที่ทำ “ลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียว” ออกมาขาย จนสร้างปรากฏการณ์สินค้าหมดสต็อก 50,000 แท่ง ภายในระยะเวลาเพียง 7 วัน
โดยวันนี้ลงทุนเกิร์ล มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณแนน-นฤมล และคุณเชอรี่-อภิญญา ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Gala Camille ถึงแนวคิดการสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง ให้กลายเป็นที่ต้องการ จนลูกค้าต้องแย่งกันกดซื้อ
เรื่องราวของ Gala Camille น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Gala Camille ก่อตั้งขึ้นช่วงต้นปี 2023
โดยคุณแนน-นฤมล ประเสริฐสุข และ Terry group
ซึ่งก่อนจะมาเป็นเจ้าของแบรนด์ Gala Camille อย่างในทุกวันนี้ คุณแนนเริ่มต้นจากการขายของออนไลน์มาก่อน แม้ว่าในตอนนั้น ธุรกิจนี้จะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่คุณแนนกลับรู้สึกว่า การทำธุรกิจเพียงเท่านี้ไม่มั่นคง
บวกกับตัวคุณแนน ที่ชื่นชอบในเรื่องความสวยความงาม
และอยากสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มความมั่นใจให้ผู้หญิงดูสวย และมีเสน่ห์ขึ้นได้ในทุก ๆ วัน
เธอจึงเบนเข็มมาศึกษาเรื่องการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองแทน
ซึ่งคุณแนนได้รับแรงซัปพอร์ตในการสร้างแบรนด์ ทั้งด้านเงินทุน ทีมงาน และวิธีบริหารแบรนด์ จาก Terry Group และมีคุณเชอร์รี่-อภิชญา นุชประไพ เพื่อนคนสนิท ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ครีมกันแดด Terry คอยให้คำปรึกษา
โดยในช่วงแรกของการสร้างแบรนด์ Gala Camille ตั้งต้นจากการตั้งคำถามว่า ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้าของเรา ทั้ง ๆ ที่มีแบรนด์เครื่องสำอางอยู่มากมายในท้องตลาด
ดังนั้นแบรนด์จึงต้องตีโจทย์ให้แตก โดยคิดหาสินค้าที่มีความแตกต่างและมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
รวมถึงการผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ
จนในที่สุด ก็เกิดเป็น Gala Camille ด้วยความตั้งใจของคุณแนนและคุณเชอร์รี่
ซึ่ง Gala Camille มีสินค้าตัวแรก คือ “Galry Lip Tint & pH Blush Oil” หรือ ลิปแท่งน้ำเงิน ที่สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ฝั่งในแท่งเดียว ฝั่งหนึ่งเป็นลิปทินต์ ส่วนอีกอีกฝั่งหนึ่งเป็นบลัชออยล์เปลี่ยนสีตามค่า pH
ตามมาด้วย “Rudie Dot & Silvie Velvet Lip” หรือ ลิปแท่งเขียวสองหัว ที่ยังคงคอนเซปต์มีทั้งฝั่งลิปและบลัชออยล์ในตัว
ก่อนจะมาเป็น “Melty Creme Balm” หรือ ลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียว สินค้าที่สร้างชื่อให้แบรนด์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างแท้จริง
สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียวโด่งดังเป็นพลุแตก ก็เพราะกิมมิกในการใช้งาน ที่จะต้องกดเหมือนกดปากกา 2-3 ครั้งก่อนใช้ และเนื้อลิปบาล์มจะค่อย ๆ ออกมา
แม้ว่าลิปบาล์มแบบกด จะโด่งดังในต่างประเทศมาสักพักแล้ว แต่ Gala Camille ถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยแบรนด์แรก ๆ ที่ทำลิปแบบกดออกมาขาย
ทำให้หลายคนรู้จักแบรนด์นี้ ในฐานะผู้นำเทรนด์ลิปบาล์มแบบกด นั่นเอง
ทั้งนี้ หลายคนคงจะเห็นรีวิวลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียวใน TikTok กันอยู่บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว Gala Camille ใช้งบในการทำการตลาดน้อยมาก
อีกทั้งรีวิวส่วนใหญ่ยังมาจากผู้ใช้งานจริงที่มาป้ายยากันเอง พร้อมติดแฮชแท็ก #ลิปแท่งเขียว #ลิปกาล่า หรือ #ลิปgala
เรียกได้ว่า กระแสของลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียว ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่จริง ๆ แล้ว Gala Camille ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ว่าจะต้องสร้างสินค้าที่เป็นไวรัล
เพราะแบรนด์เชื่อว่า การตลาดที่ดีที่สุดที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก คือ สินค้าที่มีคนรีวิวกันแบบปากต่อปาก
นอกจากนี้ การที่ Gala Camille ตั้งราคาสินค้าหลักร้อยบาท ก็ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงวัยทำงาน
ปัจจุบัน Gala Camille มีสินค้าที่วางจำหน่ายทั้งหมด 5 ตัว คือ ลิปแท่งน้ำเงิน, ลิปแท่งเขียวสองหัว, ลิปบาล์มแบบกดแท่งเขียว, บลัชออน pH และลิปจิ๋วรุ่น Tiny
ส่วนเป้าหมายในอนาคต Gala Camille ยังมีแผนที่จะปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งใบหน้า เพิ่มเข้ามาอีก 10 SKU และขยายฐานลูกค้าไปประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศลาว, พม่า และกัมพูชา อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ Gala Camille ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ
เพราะถึงแม้ในตลาดที่ดูเหมือนจะมีเจ้าตลาดที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากเราสร้างความแตกต่าง ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้
ต่อให้เราจะเป็นหน้าใหม่ในตลาด เราก็ยังสามารถกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจได้เช่นกัน..
Reference:
-สัมภาษณ์พิเศษกับคุณแนน-นฤมล ประเสริฐสุข และ คุณเชอรี่-อภิญญา นุชประไพ ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Gala Camille
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.