The Row Margaux จะเป็นตำนานกระเป๋าคลาสสิกบทใหม่ ต่อจาก Hermès Birkin ได้หรือไม่ ?
Business

The Row Margaux จะเป็นตำนานกระเป๋าคลาสสิกบทใหม่ ต่อจาก Hermès Birkin ได้หรือไม่ ?

19 ก.พ. 2024
The Row Margaux จะเป็นตำนานกระเป๋าคลาสสิกบทใหม่ ต่อจาก Hermès Birkin ได้หรือไม่ ? /โดย ลงทุนเกิร์ล
ถ้าพูดถึงกระเป๋าคลาสสิกในตำนาน ที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันอยากครอบครอง แน่นอนว่า ต้องมีชื่อของ Hermès Birkin อยู่ในนั้น
แต่รู้หรือไม่ว่า ช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา
กระแสแฟชั่น Quiet Luxury มาแรงติดเทรนด์
ทำให้กระเป๋ารุ่น “Margaux” ของแบรนด์ The Row เป็นที่นิยม และเป็นที่ต้องการอย่างมาก
หลังจากที่เซเลบริตีชื่อดังอย่าง คุณ Jennifer Lawrence, คุณ Kendall Jenner หรือคุณ Elle Fanning เลือกหยิบกระเป๋ารุ่นนี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน
จนมีการคาดการณ์ว่า กระเป๋ารุ่นนี้ อาจจะเป็นกระเป๋าคลาสสิกใบใหม่ ที่มารับไม้ต่อจาก Hermès Birkin เลยทีเดียว
เรื่องราวของกระเป๋ารุ่นนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ทำไมถึงมีการเดาว่าจะมาแทนที่ Hermès Birkin ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เริ่มจากทำความรู้จักกับแบรนด์ The Row
The Row เป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกัน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยคู่แฝด อย่างคุณ Ashley Olsen และคุณ Mary-Kate Olsen อดีตนักแสดงเด็ก ที่ก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว
ซึ่งทั้งคู่มีความตั้งใจว่า อยากจะสร้างแบรนด์แฟชั่นดิไซน์เรียบหรู ที่บ่งบอกสไตล์ของตัวเอง โดยเน้นการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มีการตัดเย็บที่ประณีต และดิไซน์ที่เหนือกาลเวลา
จนกลายมาเป็น The Row แบรนด์แฟชั่นสไตล์ Quiet Luxury ที่มีชื่อเสียงในกลุ่ม Old Money มาอย่างยาวนาน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ แฟชั่นสไตล์ Quiet Luxury จะไม่ได้ถูกพูดถึงสักเท่าไร แต่เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา กระแส Quiet Luxury เริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้าง
ส่งผลให้สินค้าของแบรนด์ The Row ถูกจับตามองมากขึ้น
โดยเฉพาะ กระเป๋ารุ่น “Margaux” กระเป๋าทรง Tote เรียบ ๆ ไม่มีโลโก ที่วางขายครั้งแรกในปี 2018 ก็ถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ Margaux ยังกลับมาในฐานะ “It” Bag ของฤดูกาล Fall/Winter 2023 ที่ขายดีจนบางสี และบางไซซ์หมดเกลี้ยง อีกด้วย
แล้วเหตุผลอะไร ที่ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า กระเป๋ารุ่น Margaux ของ The Row จะกลายมาเป็น Hermès Birkin ในยุคนี้ ?
ประเด็นแรกคือ “ดิไซน์และคุณภาพที่คล้าย ๆ กัน”
ต้องบอกว่า กระเป๋าทั้งสองรุ่น มีดิไซน์ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู คล้าย ๆ กัน
โดยรูปทรงของกระเป๋ารุ่น Margaux ก็เป็นกระเป๋าทรงเหลี่ยมใบใหญ่ ที่สามารถจุของได้เยอะ
ตกแต่งด้วยอะไหล่ที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีประเภทของหนัง, สี หรือไซซ์ ให้เลือกคล้ายกับ Birkin
ที่สำคัญกระเป๋ารุ่น Margaux ยังผลิตในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือ และเครื่องหนังที่มีคุณภาพ อย่างประเทศอิตาลี อีกด้วย
ซึ่งกระเป๋า Margaux ก็ไม่มีสัญลักษณ์ หรือโลโกใด ๆ ที่บ่งบอกถึงแบรนด์เลย ทำให้บนโลกออนไลน์มีการถกเถียงกันว่า Margaux ให้ความรู้สึกถึงสไตล์ Quiet Luxury มากกว่า Birkin เสียอีก
ประเด็นที่สองคือ “ราคา”
โดยกระเป๋ารุ่น Margaux จะมีราคาอยู่ที่ราว ๆ 120,000-240,000 บาท
ส่วน Hermès Birkin จะอยู่ที่หลักแสน จนถึงหลักล้านบาท
ถ้ามองแค่ในประเด็นดิไซน์และคุณภาพ กระเป๋ารุ่น Margaux ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งสำหรับคนที่กำลังมองหาตัวเลือกใหม่ ๆ ในสไตล์คล้าย ๆ กัน แต่ราคาถูกลง
หรือคนที่เบื่อกับการเป็น Waiting list ข้ามปี เพื่อที่จะได้ซื้อ Hermès Birkin สักใบ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่อาจจะทำให้ Margaux ยังสู้ Birkin ไม่ได้ คือ “การเพิ่มมูลค่า”
ปกติแล้วสินค้าหลาย ๆ อย่างเมื่อเก็บไว้มักจะตกรุ่น ทำให้ราคาค่อย ๆ ลดลง
แต่กระเป๋า Birkin กลับตรงกันข้ามกับสินค้าชนิดอื่น ๆ
โดยในปี 2017 มีงานวิจัยพบว่า มูลค่าของกระเป๋า Birkin เพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในระยะเวลา 35 ปี เรียกได้ว่า เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นหรือทองคำ
ในขณะที่ The Row รุ่น Soft Margaux 17 Bag in Leather รุ่นยอดนิยม ราคามือหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท
ส่วนราคามือสองอยู่ที่ประมาณ 160,000 บาท
ซึ่งราคามือสอง ทำให้มูลค่าของกระเป๋าใบนี้ลดลงราว 20% เลยทีเดียว
แม้ว่าปัจจุบัน ความต้องการ The Row Soft Margaux จะส่งผลให้สินค้าขาดสต็อก แต่ก็ยังเทียบกับความต้องการในตลาดของ Hermès Birkin ไม่ได้
โดยราคาปัจจุบันของ Hermès Birkin ยังคงสูงกว่า เมื่อเทียบกับ The Row Margaux ทั้งมือหนึ่งและมือสอง
อีกทั้ง Hermès Birkin จำกัดการผลิตในแต่ละปี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความยากในการซื้อมากกว่า แต่ก็ยังมีคนที่รอต่อคิวซื้อกระเป๋าอยู่ตลอดหลายปี
เรื่องนี้ เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความขลังของแบรนด์ Hermès หรือคุณค่าบางอย่าง ที่แบรนด์มอบให้กับผู้ครอบครอง
หรือความเข้าถึงได้ยาก และมีอยู่อย่างจำกัด
เพราะถ้าแบรนด์นั้นเป็นสิ่งที่ “ทุกคน” เข้าถึงได้ สินค้าเหล่านั้นคงจะหมดความพิเศษ
ซึ่ง The Row อาจจะต้องใช้เวลาในการสร้างเรื่องราวความไอคอนิกให้มากพอ เหมือนกับที่ Hermès ใช้เวลาสั่งสมเรื่องราวทั้งหมดนี้ มานานเกือบ 200 ปี
สุดท้ายแล้วเรื่องความเป็นตำนาน มีเพียงกาลเวลาในอนาคตเท่านั้น ที่จะสามารถบอกได้
ซึ่งอาจจะต้องดูกันไปยาว ๆ ว่า วันหนึ่ง The Row Margaux จะสามารถเป็นตำนานบทใหม่ ทั้งในแง่ดิไซน์เหนือกาลเวลา และราคาที่พุ่งสูงขึ้นได้ทุกปีแบบ Hermès Birkin ได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.