<อัปเดต> ก๋วยเตี๋ยวเรือพันล้าน ทองสมิทธ์ ปี 2567 ยอดขาย 1,160 ล้าน กำไร 241 ล้าน

ทองสมิทธ์ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือระดับพรีเมียม
เพิ่งรายงานผลประกอบการปี 2567

รายได้ 1,160 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 35.36%
กำไร 241 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 23.09%

ถ้าลองมาดูรายได้และกำไร บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด เจ้าของร้านทองสมิทธ์ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2561

ปี 2561 รายได้ 15 ล้านบาท กำไร 1.1 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 154 ล้านบาท กำไร 35 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 287 ล้านบาท กำไร 39 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 366 ล้านบาท กำไร 42 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 704 ล้านบาท กำไร 162 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 857 ล้านบาท กำไร 196 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 1,160 ล้านบาท กำไร 241 ล้านบาท

จะเห็นว่ารายได้และกำไรของทองสมิทธ์ เติบโตเร็วมาก และใช้เวลาเพียง 7 ปี ก็ทำรายได้ทะลุหลักพันล้านไปแล้ว

สำหรับทองสมิทธ์ ก่อตั้งโดยคุณกานต์ กิตติเวช, คุณโรจนินทร์ อรรถยุกติ, คุณอินทิรา แดงจำรูญ และคุณอัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของเครือ Iberry

ปัจจุบันทองสมิทธ์ มีอยู่ 23 สาขาด้วยกัน

จุดเด่นของร้านคือคุณภาพสินค้า ยกตัวอย่างเช่น

เนื้อวากิว ที่นำเข้าแบบคัดชิ้นส่วนจากออสเตรเลียน้ำซุปที่เคี่ยวนานถึง 8 ชม.เครื่องปรุงทั้งหมดจะผลิตเองจากครัวกลาง ทั้งการคั่วพริก ทอดกระเทียม เพื่อให้มีความสดใหม่ และเพื่อให้ในแต่ละชามมีความลงตัวและกลมกล่อมเหมือนๆ กัน

โดยทองสมิทธ์ วางคอนเซ็ปต์เป็น “ก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่อร่อยโดยไม่ต้องปรุง” แต่ลูกค้ายังสามารถปรับรสชาติด้วยความเผ็ดให้เลือก 4 ระดับ ตามความชื่นชอบของแต่ละคน

ซึ่งความพิถีพิถันที่ซ่อนอยู่ภายในก๋วยเตี๋ยวเรือนี้เอง
ที่ทำให้ทองสมิทธ์มีความยูนีก และยากจะเลียนแบบ จนลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 200-500 บาท

และถ้ายังจำกันได้ เมื่อปี 2564 ทองสมิทธ์ ได้แตกไลน์ร้านใหม่ในชื่อว่า “ทองสวีท” เป็นร้านขนมหวานสไตล์ไทย มีเมนูฮิตอย่างกล้วยตากมะลิอ่อง และไอติมกะทิไข่แข็ง

รวมถึงเมื่อปลายปี 2566 ก็ต่อยอดเปิดร้าน “ทองสมิทธ์ HOT POT” หรือก๋วยเตี๋ยวทองสมิทธ์ในรูปแบบหม้อไฟ

เรียกได้ว่า ทีมทองสมิทธ์คิดล้ำและไม่เคยหยุดพัฒนา

นับตั้งแต่วันแรกที่นำเมนูธรรมดา ๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือ มายกระดับให้มีความร่วมสมัย

จนลบภาพก๋วยเตี๋ยวเรือแบบเดิมที่เราเคยทาน และสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่​ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ..

Reference :
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า