
Business
Yakiniku Like ร้านปิ้งย่างคนโสดจากญี่ปุ่น ที่ปีล่าสุดมีรายได้ในไทย 436 ล้าน
19 มิ.ย. 2025
Yakiniku Like ร้านปิ้งย่างคนโสดจากญี่ปุ่น ที่ปีล่าสุดมีรายได้ในไทย 436 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
หลาย ๆ คนคงเคยเจอกับโมเมนต์ที่อยากจะกินเนื้อย่าง แต่คนรอบข้างว่างไม่ตรงกันเสียที แล้วถ้าจะให้ไปนั่งกินคนเดียวก็อาจจะรู้สึกโหวง ๆ เพราะส่วนใหญ่บรรดาร้านปิ้งย่างก็มักจะจัดโต๊ะไว้สำหรับ 2-4 ที่
หากมีร้านที่ทำปิ้งย่าง สำหรับลูกค้าที่สะดวกกินคนเดียว มีการจัดโต๊ะให้ลูกค้ารู้สึกไม่เคอะเขิน ก็คงตอบโจทย์ Pain Point ข้างต้น และเรียกลูกค้าเข้ามาได้ไม่น้อย
ดังนั้น Yakiniku Like ร้านปิ้งย่างจากญี่ปุ่น จึงได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเปิดให้บริการในไทย เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2021
ซึ่งหลายคนอาจตกใจ ถ้ารู้ว่าในเวลาเพียงไม่กี่ปี ร้าน Yakiniku Like ในไทย มีรายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2021 รายได้ 7 ล้านบาท กำไร -3 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 126 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 273 ล้านบาท กำไร 22 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 436 ล้านบาท กำไร 30 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 7 ล้านบาท กำไร -3 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 126 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 273 ล้านบาท กำไร 22 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 436 ล้านบาท กำไร 30 ล้านบาท
ธุรกิจรูปแบบร้านปิ้งย่างคนโสด Yakiniku Like มีความน่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Yakiniku Like ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2018
โดยคุณอาริมุระ โมริฮิสะ
โดยคุณอาริมุระ โมริฮิสะ
ซึ่งคุณอาริมุระเห็นว่าคนรุ่นใหม่ เริ่มมีไลฟ์สไตล์ที่ออกมารับประทานอาหารคนเดียว ไม่อยากรอใคร ในขณะเดียวกันก็ต้องการกินอาหารที่อร่อยและมีความรวดเร็ว
ดังนั้น Yakiniku Like จึงทำออกมาในรูปแบบที่เรียกว่า “Fast Casual” หรือร้านอาหารที่ผสมแนวคิดระหว่าง Fast Food และ Casual Dining ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ต้องการอาหารคุณภาพดี และได้รับความสะดวกรวดเร็วในการบริการ
ซึ่งการทำร้านอาหารในรูปแบบ Fast Casual ของ Yakiniku Like คือ มีบริการที่นั่งพร้อมเตาย่างไร้ควันส่วนตัว สำหรับใครที่มาคนเดียว โดยโต๊ะจะมีความเป็นส่วนตัวเหมือนกับการนั่งทำข้อสอบ และจะมีการเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
ส่วนเมนูเด่นของร้าน ก็จะมีเนื้อคุณภาพยอดนิยมตั้งแต่ เนื้อวากิว เนื้อคารูบิ เนื้อฮารามิ เนื้อไพรม์คารูบิ ลิ้นวัว และเนื้ออื่น ๆ อย่างหมูและไก่ โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งในรูปแบบเป็นชุด หรือเป็นจานเดี่ยว
สำหรับระบบการสั่ง ทางร้านก็ได้ไอเดียมาจากร้านซูชิสายพาน คือสามารถกดสั่งออร์เดอร์ได้จากหน้าจอแท็บเล็ตบนโต๊ะ รวมถึงชำระเงินได้ด้วยตัวเองที่หน้าเคาน์เตอร์
แล้วธุรกิจรูปแบบนี้มีความน่าสนใจอย่างไร ?
โดยปกติ หากร้านอาหารมีโต๊ะสำหรับ 4 ที่ขึ้นไป มักจะใช้เวลาหมุนเวียนต่อโต๊ะค่อนข้างนาน
เพราะการที่ลูกค้ามากันเป็นกลุ่ม จะใช้เวลาในการสั่งอาหารที่ค่อนข้างเยอะ รออาหารแต่ละเมนู รวมไปถึงการสนทนา จนทำให้การใช้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารนั้น ยาวนานเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อโต๊ะ
แต่ร้าน Yakiniku Like ลูกค้าจะใช้เวลาต่อโต๊ะ เฉลี่ยเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ลูกค้าคนต่อไปไม่ต้องรอคิวนาน และยังรับลูกค้าในแต่ละวันได้เพิ่มขึ้น
อีกทั้งการใช้ระบบอัตโนมัติให้ลูกค้าบริการตัวเอง ยังช่วยลดต้นทุนค่าแรงงานจากการจ้างพนักงาน ซึ่งทางร้านยังจะได้นำเงินไปลงทุนกับตัวสินค้าอย่างเนื้อที่มีคุณภาพอีกด้วย
และอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงโควิด-19 ก็มีลูกค้าหลายคนที่อยากกินเนื้อย่าง แต่ไม่สะดวกใจจะแชร์เตากับเพื่อน ดังนั้นการมีโต๊ะปิ้งย่างแยกเดี่ยว จึงตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ Yakiniku Like ไม่ค่อยได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19 เท่าไรนัก เมื่อเทียบกับร้านปิ้งย่างอื่น ๆ ที่ต้องปิดตัวลงมากมายในช่วงโควิด-19
ปัจจุบัน Yakiniku Like มีสาขา 82 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และขยายสาขาไปยังหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และไทย
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้ Yakiniku Like เป็นร้านปิ้งย่างที่เติบโตและขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว คือการที่ผู้ก่อตั้งสังเกตและเข้าใจไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ พร้อมกับแก้ปัญหาตามยุคตามสถานการณ์ได้ทัน
ทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุให้ Yakiniku Like เติบโตไปทั่วเอเชีย รวมถึงในประเทศไทย ภายในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น..
References :
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าhttps://www.yakiniku-like.com/https://bizspa.jp/post-493724/
Tag:Yakiniku LIKE