วิธีปั้นแบรนด์แบบ Jen Atkin ผู้ก่อตั้ง 2 แบรนด์ Hair Care ชื่อดัง ที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์
Business

วิธีปั้นแบรนด์แบบ Jen Atkin ผู้ก่อตั้ง 2 แบรนด์ Hair Care ชื่อดัง ที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์

26 ก.ย. 2025
วิธีปั้นแบรนด์แบบ Jen Atkin ผู้ก่อตั้ง 2 แบรนด์ Hair Care ชื่อดัง ที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ /โดย ลงทุนเกิร์ล
ล่าสุดหากใครได้ดูคลิป Hailey Bieber ช็อปปิง After Hours Haul ใน Sephora ที่กำลังเลือกหยิบสินค้าแบรนด์ความงามหลายชิ้น ได้กลายเป็นกระแสป้ายยาให้สาว ๆ จดลิสต์สินค้าตามกันเป็นแถว
โดยแบรนด์ Mane เป็นสินค้าประเภท Hair Care ที่เธอเลือกหยิบถึง 3 ชิ้น และกำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า แบรนด์ Mane เกิดจากคุณ Jen Atkin หญิงสาวที่เคยปลุกปั้นแบรนด์ Ouai ที่สร้างรายได้ระดับพันล้าน จนบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่อย่าง P&G เข้าซื้อกิจการ
แล้วคุณ Jen Atkin ปั้นแบรนด์ทั้งสองให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เบื้องหลังแบบคร่าว ๆ เริ่มจากคุณ Jen ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในร้านทำผมที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเริ่มหลงใหลในการทำผมเป็นพิเศษ
กระทั่งเธอได้รับโอกาสให้เป็นผู้ช่วยช่างทำผมชื่อดังอย่างคุณ Andy Lecompte ผู้อยู่เบื้องหลังการดูแลทรงผมให้กับศิลปินอย่าง Madonna จุดนี้ทำให้เธอได้เรียนรู้เทคนิคมากมาย และต่อยอดสู่การสอบใบอนุญาตช่างทำผม
ต่อมาคุณ Jen ได้ร่วมทำงานออกแบบทรงผมให้กับครอบครัว Kardashian ในรายการเรียลลิตี และเริ่มมีชื่อเสียงจนขึ้นชื่อว่าเป็น ช่างทำผมมือทองของเหล่าเซเลบริตีมากมาย
ภายหลังจากที่เธอสั่งสมประสบการณ์ และความรู้ในวงการช่างทำผมเรื่อยมา บวกกับได้รับคำแนะนำจากเพื่อนเซเลบที่ทำธุรกิจ ทำให้คุณ Jen เริ่มจุดประกายไอเดียทำธุรกิจ Hair Care ของตัวเองขึ้นมา
โดยแบรนด์แรกคือ Ouai ในปี 2016 และถัดมาคือ Mane ในปี 2023
แม้ทั้ง 2 แบรนด์จะเริ่มจากธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเหมือนกัน แต่มีรายละเอียดการปั้นแบรนด์ให้มีจุดเด่นแตกต่างกันหลัก ๆ 3 ข้อดังนี้
ข้อแรกคือ การตั้งชื่อแบรนด์
Ouai อ่านว่า เว มาจากคำสแลงภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ใช่ โดยคุณ Jen ตั้งใจให้ชื่อแบรนด์อ่านออกเสียงยาก เพื่อให้เกิดเป็นหัวข้อบทสนทนาระหว่างเพื่อนสาว กับวิธีอ่านชื่อที่ถูกต้อง ซึ่งเธอเชื่อว่าชื่อแบรนด์สามารถนำไปสู่ความสนใจเรื่องผลิตภัณฑ์ต่อได้
Mane มาจากชื่อแพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่คุณ Jen เคยทำขึ้นในปี 2014 ในชื่อ Mane Addicts เป็นเสมือนคอมมิวนิตีที่เชื่อมต่อระหว่างช่างทำผม และผู้บริโภค มักมีคอนเทนต์เกี่ยวกับการแชร์สินค้าดูแลเส้นผมที่ชอบ รวมไปถึงวิดีโอสอนทำผมทีละขั้นตอน
ซึ่งคุณ Jen ตั้งใจใช้ชื่อนี้เพื่อสื่อถึงรากฐานของแบรนด์ ที่มาจากการสั่งสมประสบการณ์ และความรู้ด้านการดูแลเส้นผมมาอย่างยาวนาน
ถัดมาคือ คอนเซปต์แบรนด์
คอนเซปต์หลักของการสร้างแบรนด์ Ouai คือ การพัฒนาสินค้าดูแลเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และมีจุดเด่นเรื่องการพัฒนากลิ่นหอมแบบพรีเมียม
โดยคุณ Jen และทีมงานวาง Personal Branding ของ Ouai คือภาพของ ​​“Effortlessly Cool Girl” หรือ สาวชิคที่สวยแบบไม่ต้องพยายาม
เพื่อให้ตอบโจทย์ภาพลักษณ์ของแบรนด์ สินค้าของแบรนด์ทุกชิ้นจึงออกแบบแพ็กเกจจิงให้มีความมินิมัล สื่อถึงความเรียบหรู และเจาะกลุ่มลูกค้าวัยมิลเลนเนียลเป็นหลัก
ขณะที่แบรนด์ Mane มีคอนเซปต์หลักคือ การสร้างบรรยากาศและความรู้สึก ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Mane ไม่ได้เริ่มต้นในห้องแล็บ แต่มาจากการนำข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาวิเคราะห์นั่นก็คือ กลุ่มวัยมิลเลนเนียลตอนปลาย, Gen Z และ Gen Alpha
ดังนั้น Mane จึงมีภาพลักษณ์ที่สื่อถึงความสดใส และเลือกใช้สีชมพูเป็นโทนสีหลัก อีกทั้งยังออกแบบกราฟิก และอีโมจิน่ารัก ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์ มีดีเทลที่โลโกของแบรนด์ ซึ่งออกแบบโดยลูกบุญธรรมวัย 12 ปี ของคุณ Jen
สุดท้ายคือ การขยายผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจัดจำหน่าย
แม้ Ouai มีสินค้าฮีโรอย่างสเปรย์จัดแต่งทรงผม และครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก แต่แบรนด์ยังคงต่อยอดสินค้าให้ครอบคลุมกิจวัตรการอาบน้ำทั้งหมด เช่น เจลอาบน้ำ, โลชันทาตัว และน้ำหอม
ซึ่งกลายเป็นว่าน้ำหอม ที่พัฒนาจากความชื่นชอบของลูกค้าในกลิ่นผลิตภัณฑ์ดูแลผมของแบรนด์ ได้กลายเป็นสินค้าขายดีและเติบโตเร็วที่สุด
อีกทั้งยังขยายช่องทางการขายสินค้าไปยังรีเทลความงามยักษ์ใหญ่มากกว่า 4,000 แห่ง เช่น Ulta, Sephora, Target และ Kohl’s รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Amazon
สำหรับแบรนด์ Mane มีสินค้าขายดีและได้รับรางวัลจากนิตยสาร Allure อย่าง แปรงม้วนผมร้อนขนาด 38 มม. ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้แบรนด์ปล่อยไลน์สินค้าเพิ่มเติมอย่าง สเปรย์กลิ่นหอมสำหรับผมและตัว
โดยคุณ Jen มองว่าแม้ทั้ง 2 แบรนด์จะถูกคิดค้นขึ้นมาให้มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่สินค้าบางประเภทอาจมีเหมือนกันได้อย่างเช่น น้ำหอม
ซึ่งคาแรกเตอร์น้ำหอมของ Mane จะถูกออกแบบกลิ่นหอมให้มีความไร้เดียงสา แสดงถึงตัวตนของกลุ่มคนอายุน้อย และรูปแบบแพ็กเกจจิงที่มีสีสันสดใส แตกต่างจาก Ouai ที่จะมีกลิ่นหอมที่สื่อถึงความพรีเมียม
นอกจากนี้คุณ Jen ยังออกแบบให้นำผลิตภัณฑ์ขายดีของทั้ง 2 แบรนด์มาคอลแลบร่วมกันอีกด้วยโดยใช้ชื่อว่า The Mane x Ouai The Anti-Frizz Kit
สรุปแล้วจะเห็นว่า คุณ Jen ให้ความสำคัญกับการออกแบบ Personal Branding ให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนไปถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ที่แม้เป็นประเภทเดียวกัน แต่ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ทำให้สินค้าของแบรนด์แตกต่างกัน
จึงไม่แปลกใจที่ Ouai และ Mane จะเป็นแบรนด์ Hair Care แนวไลฟ์สไตล์แห่งยุค ที่ตีตลาดลูกค้าครอบคลุมทุกช่วงวัย และยังคงสร้างกระแสได้อย่างต่อเนื่อง..
References :
Jones Road Beauty, Inc, Allure, BeautyMatter, Desiree Design, WWD
© 2025 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.