
Business
รู้จัก Phia สตาร์ตอัป AI ของลูกสาว Bill Gates และเพื่อนซี้ พร้อมสรุป 3 บทเรียนการเป็นเจ้าของธุรกิจ
4 พ.ย. 2025
รู้จัก Phia สตาร์ตอัป AI ของลูกสาว Bill Gates และเพื่อนซี้ พร้อมสรุป 3 บทเรียนการเป็นเจ้าของธุรกิจ /โดย ลงทุนเกิร์ล 
ในยุคที่ AI กำลังเติบโต เรามักเห็นคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาปลุกปั้นสตาร์ตอัป จนประสบความสำเร็จ ขึ้นแท่นเป็นเศรษฐีหน้าใหม่มากมาย 
โดยหนึ่งในบุคคลที่ทั่วโลกจับตามองในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น คุณ Phoebe Gates ลูกสาวคนสุดท้องของมหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft อย่างคุณ Bill Gates 
เธอจับมือกับเพื่อนซี้ ก่อตั้งสตาร์ตอัปด้านแฟชั่นในชื่อ “Phia” แอปพลิเคชันผู้ช่วยช็อปปิงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยผู้ใช้ตัดสินใจได้ว่า “ควรซื้อของชิ้นนี้ไหม ?”
ซึ่งล่าสุด Phia เพิ่งระดมทุนรอบ Seed ได้ 260 ล้านบาท นำโดยบริษัท VC ชื่อดัง Kleiner Perkins พร้อมเซเลบริตีและนักลงทุนแนวหน้าอย่างคุณ Kris Jenner, คุณ Hailey Bieber และคุณ Michael Rubin
วันนี้ลงทุนเกิร์ลเลยขอสรุป 3 บทเรียนการปั้นสตาร์ตอัปของพวกเธอทั้งคู่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ ได้นำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจค่ะ 
ก่อนอื่นต้องขอเล่าที่มาของ Phia แบบคร่าว ๆ 
ขณะที่คุณ Phoebe เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย Stanford เธอได้คู่รูมเมตชื่อคุณ Sophia Kianni ซึ่งทั้งสองกลายเป็นเพื่อนซี้กัน เนื่องจากทั้งคู่ชอบการช็อปปิงเป็นชีวิตจิตใจ 
ทั้งคู่มักแชร์ประสบการณ์การช็อปปิงของมือสองออนไลน์ และพยายามหาวิธีเปรียบเทียบสินค้าระหว่างหลายเว็บไซต์
แต่กลับพบปัญหาว่า การเปิดทีละเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบสินค้าต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก จะดีแค่ไหนถ้ามีตัวช่วยหาสินค้าแฟชั่น ที่เหมือนกับการเปรียบเทียบไฟลต์บินบน Google Flights 
พวกเธอจึงนำไอเดียนี้ไปเสนอในคลาส Entrepreneurship และได้รับความสนใจจากนักลงทุนตั้งแต่รอบ Pre-seed จนได้เงินทุนมาต่อยอดธุรกิจในเวลาต่อมา 
ภายหลังในปี 2023 ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายไปอยู่นิวยอร์ก และเริ่มก่อตั้ง Phia ขึ้นมา หลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลาปรับปรุงพัฒนา Phia เกือบ 2 ปี แอปพลิเคชันก็ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในเดือนเมษายน 2025
หลักการทำงานของ Phia คือการช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจว่า “ควรซื้อสินค้าใหม่ หรือของมือสอง” 
โดย Phia จะรวบรวมข้อมูลการรีเซลในระบบที่มีสินค้ามือสองกว่า 250 ล้านชิ้น และใช้ข้อมูลจาก 40,000 เว็บไซต์ แล้วแสดงกราฟเปรียบเทียบราคาเฉลี่ยระหว่างสินค้ามือหนึ่ง และมือสอง  
ยกตัวอย่างเช่น เดรสแบรนด์หรูมือหนึ่งในราคา 6,500 บาท ขณะที่มูลค่าการขายรีเซลอยู่ที่ 4,900 บาท จากข้อมูลตรงนี้ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะซื้อใหม่หรือซื้อของมือสองแทน
โดย Phia เปิดให้บริการฟรีทั้งบน Google Chrome และแอปพลิเคชันบน iOS รวมถึงสามารถเปิดการใช้งานเป็นส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ Safari โดยบริษัททำรายได้จาก Affiliate Links ทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบ
ซึ่งต้องบอกว่าหลังจากเปิดตัวไม่นาน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 600,000 คนทั่วโลก ถือเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของสตาร์ตอัปที่เพิ่งเริ่มต้นไม่นาน
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่า คุณ Phoebe มีสิทธิพิเศษจากคุณพ่อมหาเศรษฐีระดับโลกของเธอ แต่ความจริงแล้ว Phia ไม่ได้รับเงินทุนจากครอบครัว แต่ธุรกิจนี้เกิดจากความตั้งใจ และความพยายามของทั้งสองสาวจริง ๆ 
จากประสบการณ์ทั้งหมดทำให้ผู้ก่อตั้งทั้งสองได้เรียนรู้ และยังคงพัฒนาตัวเองในฐานะผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งคู่ได้แชร์แนวทาง 3 ข้อ ผ่าน Business Insider ดังนี้ 
ข้อแรกคือ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด
ในช่วงแรกเริ่มของธุรกิจ ทั้งคู่เข้าใจว่าผู้ก่อตั้งต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด แต่เมื่อเริ่มมีพนักงานราว 13 คน ทั้งคู่ได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด
ซึ่งแม้ทั้งคู่จะเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่สุดท้ายต้องตกลงแบ่งงานตามความถนัดและความชอบ โดยคุณ Phoebe ดูแลเรื่องการเงิน ในขณะที่คุณ Sophia ดูแลด้านการตลาด 
อีกทั้งพวกเธอพบว่า การมีทีมงานที่ดี เป็นส่วนสำคัญของการนำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นงานบางอย่างควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
ถัดมาคือ ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของขั้นตอนการทำงาน 
ทีมงานของ Phia ใช้ AI เพื่อช่วยเขียนอีเมล เขียนโคด และปรับปรุงสปีชต่าง ๆ ซึ่งคุณ Phoebe มองว่าข้อดีของการนำ AI มาใช้ในที่ทำงานคือ เครื่องมือนี้ช่วยพัฒนาระบบความคิดของมนุษย์ และเสริมให้งานมีคุณภาพดีขึ้น 
อีกทั้งคุณ Sophia ยังใช้ ChatGPT เพื่อช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ที่ทำให้คลิปในโลกออนไลน์กลายเป็นไวรัล และนำมาปรับใช้สร้างสรรค์ในคอนเทนต์ของพวกเธอเอง
สุดท้ายคือ การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา  
คุณ Sophia มองว่าเมื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ สิ่งสำคัญคือ การฝึกการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพราะบางครั้งปัญหาเล็ก ๆ อาจทำให้รู้สึกกวนใจได้ 
อย่างไรก็ตามเธอพบแนวทางว่า การมุ่งเน้นไปที่ภาพรวมของธุรกิจก่อน และเลือกโฟกัสปัญหาใหญ่ให้เสร็จภายในหนึ่งวัน มีประสิทธิภาพมากกว่าการพยายามจัดการกับปัญหาเล็ก ๆ พร้อมกันหลายอย่าง
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ คุณ Phoebe เคยมีความคิดอยากล้มเลิกการเรียนที่มหาวิทยาลัย Stanford และออกไปโฟกัสกับการปั้น Phia แบบเต็มตัว เหมือนที่พ่อของเธอทำเมื่อตอนก่อตั้งบริษัท Microsoft 
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเธอไม่สนับสนุนความคิดนี้ ทำให้คุณ Phoebe ตัดสินใจเรียนต่อจนจบปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยามนุษย์.. 
References : 
- Business Insider, Forbes, Fortune, Nylon