รู้หรือไม่ว่า ประชากรชาวไทยสัดส่วนราว 40% เป็นกลุ่ม Gen Y ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยระยะยาว

โดยปัจจุบันกลุ่ม Gen Y มีช่วงอายุระหว่าง 29-44 ปี เป็นวัยที่ผู้คนในสังคมมองว่า เหมาะสมกับ การเริ่มต้นวางแผนสร้างครอบครัว 

ซึ่งในอดีตการวางแผนการเงิน อาจหมายถึงแค่หาเงินมาให้พอใช้สำหรับ พ่อ-แม่-ลูก และทำให้บ้านเดินต่อได้แบบไม่สะดุด

แต่ทุกวันนี้ Gen Y กลับมีความคาดหวังเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ที่ต่างจากเดิมอย่างชัดเจน

ซึ่งประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะจากข้อมูลผลการสำรวจของวิจัยกรุงศรีพบว่า Gen Y ตั้งเป้าสำรองเงินเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณ สูงกว่ากลุ่มคนเจเนอเรชันอื่น โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 35,278 บาทต่อเดือน 

ขณะเดียวกัน Gen Y ก็เป็นวัยที่กำลังแบกรับความคาดหวังจากคนในบ้าน บวกกับภาระหนี้สินที่กดดันรอบด้าน

แล้วเรื่องนี้กำลังบอกอะไรเรา ? 
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นต้องขอเล่าภาพรวมพฤติกรรมการเงินชาวไทยแบบคร่าว ๆ 

จากรายงาน Saving Behavior Survey: Decoding the Saving Habits of Thai Consumers ประจำปี 2025 โดยวิจัยกรุงศรี พบว่า ทักษะทางการเงินของคนไทยมีคะแนน 71.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิกที่อยู่ใน OECD ที่ 60.5% 

ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ชาวไทยให้ความสำคัญกับความรู้ทางการเงินเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแบบยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนการเกษียณ 

แต่ในอีกด้าน วิจัยกรุงศรีพบว่า คนไทยราว 61.1% เริ่มออมเงินเพื่อเป้าหมายแผนการเกษียณอายุ แต่ในความเป็นจริงมีประชากรเพียง 15.7% ที่สามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างแท้จริง 

พูดง่าย ๆ คือ เริ่มต้นกันเยอะ แต่ไปไม่ถึงเส้นชัยกันมากนัก

ส่งผลให้วิจัยกรุงศรีลงมือเจาะลึกการสำรวจพฤติกรรมการออมของคนไทย โดยรวบรวมข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์จำนวน 1,138 คน ครอบคลุมช่วงอายุ, อาชีพ, ระดับการศึกษา และรายได้ที่หลากหลาย ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปี 2024 

ซึ่งพบว่าผู้คนในแต่ละเจเนอเรชัน มีแนวคิดและเป้าหมายเรื่องการวางแผนการเงินที่ไม่เหมือนกัน ทำให้พฤติกรรมการออมเงินระยะยาวแตกต่างกันไปด้วย 

โดยกลุ่มที่น่าสนใจมากที่สุดคือ Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่เริ่มตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการดูแลครอบครัว พร้อมยังมีเทรนด์การออมเงินเพื่อการลงทุนที่ต่างจากคนเจเนอเรชันอื่นในหลายมิติ 

หนึ่งในนั้นคือ การตั้งเป้ามีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง เช่น การซื้อบ้านและรถยนต์ ซึ่งส่วนมากมองว่าอายุ 31 ปี ควรมีความก้าวหน้าในสายอาชีพ เพื่อหารายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย  

ขณะที่พฤติกรรมการออมเงินของ Gen Y ส่วนใหญ่ เน้นการลงทุนในความเสี่ยงต่ำ สร้างความปลอดภัยเพื่อรักษาเงินต้น โดยใช้เครื่องมือทางการเงินยอดนิยม 5 อันดับแรกคือ 

1. บัญชีออมทรัพย์ หรือบัญชีเงินฝากประจำ 
2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 
3. เงินสด
4. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
5. กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการออม SSF

เหตุผลส่วนหนึ่งที่คนวัยนี้เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะคนวัยนี้ส่วนมากเป็นเสาหลักของบ้าน ที่ต้องการสร้างความมั่นคงพร้อมครอบคลุมรายจ่ายในบ้านเป็นหลัก 

อย่างไรก็ตาม Gen Y กลับตั้งเป้าหมายเงินใช้หลังเกษียณสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเจเนอเรชันอื่น และความกังวลหลักของคนกลุ่มนี้คือรายได้ที่ไม่มั่นคงและหนี้สิน ซึ่งอาจทำให้การออมเพื่อเกษียณไม่สำเร็จตามเป้า

เห็นได้ชัดว่า แม้คน Gen Y จะเป็นกลุ่มวัยทำงานเพื่อสร้างรายได้หลักของบ้าน แต่มีรายจ่ายสูง และยังคงความต้องการใช้ชีวิตที่สุขสบายเมื่อถึงวาระที่ไม่ต้องทำงานแล้ว 

จากอุปสรรคของแต่ละเจเนอเรชัน ที่อาจส่งผลให้การวางแผนการเกษียณไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะดีแค่ไหนถ้าคนไทยมีผู้ช่วยที่เข้าใจ พร้อมซัปพอร์ตการเงินส่วนบุคคลให้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทำได้จริง

ดังนั้น กรุงศรีจึงก้าวขึ้นมาผลักดันแนวคิดการเงินที่ยั่งยืน ผ่านแคมเปญ GO Sustainable with krungsri สะท้อนมุมมอง “จุดเริ่มต้นของชีวิตที่ยั่งยืนคือการเงินที่มั่นคง” 

พร้อมชวนทุกเจเนอเรชันเริ่มต้นวางแผนการเงินได้ง่ายและลงมือทำได้จริง ผ่าน 2 เครื่องมือหลัก

อันดับแรกคือ “Krungsri Financial Health Check”

เครื่องมือตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ ผ่าน LINE @Krungsrisimple ด้วยการพิมพ์คำสั่ง “เช็กสุขภาพการเงิน”   

จุดเด่นคือ เป็นเสมือนผู้ช่วยที่พร้อมให้ผู้ใช้งานเช็กความพร้อมทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว เพียงตอบคำถามสั้น ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับเพื่อนซี้ 

จากนั้นระบบจะประมวลผลในทันที พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้น ช่วยให้ผู้ใช้งานรู้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ในการวางแผนการเงินส่วนบุคคล 

ถัดมาคือ “Krungsri The COACH” 

แหล่งรวบรวมความรู้ทางการเงิน และคำแนะนำจากกูรูผู้เชี่ยวชาญ ที่ช่วยวางแผนการเงินให้ตรงเป้าหมายเฉพาะบุคคล ภายใต้คอนเซปต์ “โค้ชเรื่องเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย” 

พร้อมไขข้อสงสัยทุกเรื่องการเงิน ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และนำไปปรับใช้ตามชีวิตประจำวันของแต่ละคนได้จริง 

รวมไปถึงเรื่องราวที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการบริหารจัดการทางการเงิน เช่น การออม, การใช้จ่าย, การบริหารหนี้, ความคุ้มครอง และการลงทุน ผ่านเว็บไซต์ www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach

ไม่เพียงเท่านี้ กรุงศรียังมีช่องทางโซเชียลมีเดียของ Krungsri Simple นำเสนอเกร็ดความรู้ด้านการเงิน ผ่านบทความ และโพสต์อย่างต่อเนื่อง 

อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า กรุงศรีไม่ได้ทำหน้าที่หลักเป็นสถาบันการเงิน แต่ยังเล็งเห็นถึงรากฐานสำคัญของประเทศในระยะยาว

ในการเสริมสร้างความรู้และเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อให้คนไทยทุกเจเนอเรชัน “ลงมือทำได้จริง” พร้อมก้าวสู่ชีวิตที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นใจ.. 

#GOSUSTAINABLEwithkrungsri  
#ก้าวเพื่อสังคมที่ยั่งยืนของเรา 
#krungsri 
#ชีวิตง่ายได้ทุกวัน  
#KrungsriSimple