McCormick บริษัทเครื่องปรุงอายุ 132 ปี มูลค่า 7 แสนล้าน
FashionBusiness

McCormick บริษัทเครื่องปรุงอายุ 132 ปี มูลค่า 7 แสนล้าน

17 มิ.ย. 2021
McCormick บริษัทเครื่องปรุงอายุ 132 ปี มูลค่า 7 แสนล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ คุณมีโอกาสที่จะได้กินอาหารและเครื่องดื่ม ที่ปรุงรสด้วยผลิตภัณฑ์ของ McCormick” ซึ่งคำพูดนี้คงไม่ได้เกินจริงไปเท่าไรนัก
เพราะไม่ว่าเราจะไปทานอาหารในร้าน หรือเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ต 
ก็คงพอคุ้นตากับแบรนด์เครื่องปรุง ที่มีแถบโลโกสีแดง 
วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหาร หรือบนชั้นวาง อยู่บ่อย ๆ 
เรื่องราวของเครื่องปรุง McCormick มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
และมีกลยุทธ์อะไรจึงกลายเป็นเครื่องปรุงที่คนนิยมใช้กันทั่วโลก ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
McCormick ถูกก่อตั้งโดยคุณ Willoughby M. McCormick ในปี 1889
เขาเริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตวัสดุแต่งกลิ่นสังเคราะห์ ในห้องใต้ดินกับลูกจ้างอีก 3 คน 
หลังจากนั้นจึงเริ่มขายสินค้าด้วยการเดินไปตามบ้านทีละหลังที่บัลติมอร์
สินค้าที่พวกเขาขายมีตั้งแต่ รูตเบียร์, สารสกัดแต่งกลิ่น, น้ำเชื่อมผลไม้ และน้ำผลไม้ 
เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจของคุณ McCormick ก็เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่ง 7 ปีต่อมา McCormick ก็ได้เข้าซื้อบริษัท F.G. Emmett Spice
ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นให้บริษัท McCormick เข้าสู่วงการเครื่องเทศ
จนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแสนล้านจนมาถึงปัจจุบัน
แล้วพวกเขาทำอย่างไร จนกลายเป็นแบรนด์เครื่องปรุงที่โด่งดังและคนจดจำได้ทั่วโลก ?
ในตอนแรกสิ่งหนึ่งที่ McCormick พยายามสื่อสารคือ “ไม่ว่าอาหารจานไหนก็ต้องปรุงรสชาติ”
ลองจินตนาการว่า ตอนนี้เรากำลังทำอาหารอยู่จานหนึ่ง แล้วไม่ใส่เครื่องปรุงเลย
อาหารจานนั้นก็คงจะเป็นอาหารที่จืดชืด ไร้รสชาติ และสีสัน
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ก็ต้องการเครื่องปรุง เพื่อเพิ่มรสชาติ
พวกเขาจึงเริ่มต้นจากการบอกว่า เครื่องปรุงเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนโลกที่น่าเบื่อของทุกคน
ต่อมาเมื่อเทรนด์ของอาหารสุขภาพเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้น
ในปี 2008 McCormick ก็เริ่มหันมาผลักดันให้ผู้คนมองเห็นถึงประโยชน์ของการปรุงอาหาร
ว่ามันไม่เพียงแค่ช่วยเสริมสร้างรสชาติอาหารให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างคุณประโยชน์ด้วย
โดยกลุ่มคนที่พวกเขาต้องการสื่อสารไปหา 
ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่ชื่นชอบการทำอาหาร แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนทั่วไปด้วย 
อย่างเช่นโฆษณาของบริษัทตัวหนึ่ง
ว่าด้วยเรื่องให้ทุกคนลองเพิ่มคุณประโยชน์ง่าย ๆ ลงในมื้ออาหาร
ด้วยการเติมพริกไทยลงในอาหารนั้น ๆ โดยบอกว่าเป็นการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ
ซึ่งก็ทำให้ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าไปสู่หลาย ๆ กลุ่มมากขึ้น
พอในช่วงปี 2015 ที่ผู้คนเริ่มหันมาให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น
บริษัท McCormick ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่พยายามสื่อสาร และทำแคมเปนต่าง ๆ
เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ได้ว่า นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว พวกเขาก็ใส่ใจเรื่องของผู้คนและธรรมชาติเช่นกัน
จากตรงนี้เอง ทำให้เห็นว่าบริษัท McCormick นั้นไม่ได้ยึดกับความสำเร็จในอดีต
ที่ทำเพียงแค่ขายสินค้าที่หน้าประตู หรือเดินหน้าทำธุรกิจแต่เครื่องปรุงแบบเดิม ๆ
แต่คอยมองดูเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และปรับเข้ากับธุรกิจที่ตนเองทำ
ที่สำคัญบริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ 
รวมถึงพัฒนาการบริการ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละยุค
ปัจจุบัน McCormick มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องเทศ ซอส ไปจนถึงอาหารสำเร็จรูป
โดยธุรกิจหลักของ McCormick นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ 
1. หมวด Consumer เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้า 
2. หมวด Flavor Solutions เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำส่งโรงงาน หรือธุรกิจอาหารขนาดใหญ่
แล้วผลประกอบการของ McCormick เป็นอย่างไร ?
ปี 2018 รายได้ 169,170 ล้านบาท กำไร 29,191 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 167,199 ล้านบาท กำไร 21,958 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 175,264 ล้านบาท กำไร 23,367 ล้านบาท
ซึ่งทำให้เราเห็นว่าแม้ปี 2020 จะเป็นปีที่เกิดวิกฤติโรคระบาดในหลายประเทศทั่วโลก
กลับเป็นเหมือนตัวที่ทำให้ ยอดขายของ McCormick เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม
โดยแผนการในปีที่ผ่านมาของ McCormick นั้นเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ออนไลน์มากขึ้น
ไม่ว่าจะด้านการซื้อขาย หรือแม้แต่การสื่อสารและสร้างคอนเทนต์ไปยังผู้บริโภค
ก็ทำให้ในปี 2020 นั้น McCormick ยังคงเป็นแบรนด์เครื่องปรุงอันดับ 1 ในใจของลูกค้าหลายคน
ปัจจุบันบริษัท McCormick & Company มีมูลค่าอยู่ที่ 739,988 ล้านบาท
และถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็จะใหญ่กว่าบริษัท CPALL 
บริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เจ้าของ 7-Eleven และ Makro 
ปิดท้ายด้วยข้อมูลน่าตกใจ รู้หรือไม่ว่ากลิ่นวานิลลาสังเคราะห์ที่เราใช้ ๆ กันนั้น
จริง ๆ แล้วไม่ได้ทำมาจากฝักของวานิลลาจริง ๆ แต่กลับสกัดมาจากแก้มก้นของตัวบีเวอร์ 
แต่สำหรับ “Pure Vanilla Extract” ของ McCormick นั้น
ก็สบายใจได้เพราะบนฉลากระบุแล้วว่า ผสมมาจากเมล็ดวานิลลาจริง ๆ ไม่ได้โกหก.. 
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.