ความท้าทาย ของอาณาจักร Sanrio
Business

ความท้าทาย ของอาณาจักร Sanrio

24 มิ.ย. 2020
หลายคนคงจะเติบโตมากับตัวการ์ตูนอย่าง Hello Kitty, Rilakkuma และ Bad Badtz-Maru
ตัวการ์ตูนเหล่านี้อยู่ภายใต้บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งก็คือ Sanrio นั่นเอง
อาณาจักร Sanrio ก่อตั้งโดยคุณ Shintaro Tsuji ในปี 1960 ที่กรุงโตเกียว
จุดเริ่มต้นของบริษัท Sanrio มาจากธุรกิจ “ผ้าไหม”
ซึ่งในสมัยนั้น ใช้ชื่อร้านว่า Yamanashi Silk
เขาเริ่มสร้างบริษัทแห่งนี้ ด้วยเงินทุนเกือบ 3 แสนบาท
ซึ่งถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากในสมัยนั้น
หลังจากดำเนินกิจการผ้าไหมไปสักพัก
เขาก็ได้ขยายธุรกิจสู่การขาย “รองเท้าแตะ”
ตรงนี้เอง ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคุณ Shintaro Tsuji
เมื่อเขาเริ่มวาดลวดลายลงบนรองเท้าแตะที่เขาขาย
ทำให้สินค้าของเขาแตกต่างจากรองเท้าทั่วๆ ไป
และยังไปถูกใจเหล่าสาวๆ จนขายดิบขายดี
ตัวละคร “ตัวแรก” ได้เกิดขึ้นในปี 1962 โดยใช้ชื่อว่า “Strawberry”
เป็นตัวละครที่มีลักษณะเหมือนกับเด็กน้อย กำลังใส่หมวกสตรอว์เบอร์รีอยู่
โดย Strawberry มักจะถูกใช้ตกแต่งอยู่บนสินค้าอย่างกระเป๋าเงิน และแก้วน้ำ
ถัดมาในปี 1969 บริษัท Sanrio Greetings Co., Ltd. ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
แต่ในปี 1973 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Sanrio Co., Ltd.
หลังจากนั้น คุณ Shintaro Tsuji ก็ได้ชักชวน คุณ Yuko Shimizu นักวาดการ์ตูน
มาออกแบบตัวการ์ตูนให้ร้านของเขาและ Kitty จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1974
เรื่องนี้นับว่าเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของคุณ Shintaro Tsuji เลยก็ว่าได้
เพราะตั้งแต่ที่ Kitty ได้เกิดขึ้น จนถึงทุกวันนี้ Kitty ก็ยังคงเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมาตลอด
ปัจจุบันบริษัท Sanrio มีมูลค่ามากถึง 4.4 หมื่นล้านบาท
ส่วนคุณ Shintaro Tsuji มีทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
และเขายังเป็นมหาเศรษฐี อันดับที่ 45 ของประเทศญี่ปุ่น
ล่าสุด คุณ Shintaro Tsuji ในวัย 92 ปี ได้ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO
หลังจากที่เขาใช้เวลาในการบริหารบริษัท Sanrio ถึง 60 ปี
ตอนนี้เขาตั้งใจว่าจะส่งต่ออาณาจักร Sanrio ให้กับคุณ Tomokuni Tsuji
ซึ่งก็คือ “หลานชาย” ของเขานั่นเอง
เรื่องนี้ทำให้คุณ Tomokuni Tsuji ที่มีอายุเพียง 31 ปี
กลายเป็น CEO ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหุ้นของญี่ปุ่น TOPIX
ในตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณ 1 ปี
เขาก็ได้ขึ้นรับตำแหน่ง ผู้บริหารด้านการวางแผน และขายสินค้าของบริษัท
พอทำงานได้ 4 ปี เขาก็ได้เป็น ผู้อำนวยการ
และเมื่อขึ้นปีที่ 6 คุณ Tomokuni Tsuji จึงก้าวขึ้นมาเป็น CEO
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ CEO คนใหม่ของ Sanrio อาจจะต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่
เนื่องจากบริษัท Sanrio กำลังเผชิญปัญหาจากรายได้และกำไรลดลง
ในปี 2018 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ราวๆ 12,673 ล้านบาท
และในปี 2019 รายได้ลดลงเหลือ 12,245 ล้านบาท ลดลงไปกว่า 3%
ส่วนกำไรของบริษัทในปี 2018 อยู่ที่ 885 ล้านบาท
แต่ในปี 2019 กลับเหลือเพียง 455 ล้านบาท หายไปเกือบ 50%
ในขณะเดียวกันนี้ วิกฤติ COVID-19 ยังทำให้บริษัทต้องปิดสวนสนุกที่ญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักๆ ของบริษัท
โดยปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทจะมาจาก
การดำเนินกิจการ “ภายในประเทศ” กว่า 80%
ส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 20% เท่านั้น
ซึ่งสัดส่วนรายได้ภายในประเทศจะมาจาก
- การขายสินค้า 40%
- สวนสนุก 23%
- ค่าลิขสิทธิ์ 20%
- อื่นๆ 17%
เราจะเห็นได้ว่า สวนสนุก เป็นแหล่งรายได้อันดับสองของบริษัท Sanrio
ดังนั้นการปิดสวนสนุก จึงค่อนข้างมีผลกระทบต่อบริษัทพอสมควร
และแม้ว่าการปิดสวนสนุก หรือผลกระทบจาก COVID-19
จะส่งผลต่อบริษัท Sanrio เพียงชั่วคราว
ประเด็นที่น่าจะกังวลมากกว่า อาจเป็นเรื่องความนิยมที่ลดลงของตัวละครใน Sanrio
ดังนั้นคุณ Tomokuni Tsuji จะต้องรับมือกับทั้งวิกฤติ COVID-19 และปัญหาการลดลงทั้งรายได้และกำไรที่ค้างคามาตั้งแต่ในสมัยของคุณปู่ของเขา
การที่คุณ Tomokuni Tsuji ได้ขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ต่อจากคุณปู่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่การเข้ามาบริหารในช่วงเวลาแบบนี้ คงบอกได้ว่าเขาอาจกำลังเจองานหิน
และคงจะเป็นหินก้อนใหญ่เลยก็ว่าได้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลน่ารักๆ
CEO คนใหม่ของ Sanrio เกิดในวันที่ 1 พฤศจิกายน
ซึ่งตรงกับวันเกิดของ Kitty พอดี
นอกจากนั้นแฟนๆ Sanrio ยังพากันบอกว่า CEO คนใหม่
มีหน้าตาที่คล้าย Pompompurin สุนัขสีเหลืองที่มีลักษณะคล้ายพุดดิ้ง
ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครยอดนิยมของ Sanrio เช่นกัน
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.