รู้จัก Naomi Osaka ผู้จุดคบเพลิง งานโอลิมปิก 2020
Inspiration

รู้จัก Naomi Osaka ผู้จุดคบเพลิง งานโอลิมปิก 2020

23 ก.ค. 2021
รู้จัก Naomi Osaka ผู้จุดคบเพลิง งานโอลิมปิก 2020 /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อไม่กี่นาทีมานี้ ในงานพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศญี่ปุ่น
สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้ คือ ผู้ที่ได้รับเกียรติจุดคบเพลิง 
ซึ่งก็คือ คุณ Naomi Osaka นักเทนนิสหญิง อันดับต้น ๆ ของโลก
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอต้องผ่านบทพิสูจน์จำนวนมาก
ทั้งการไม่ยอมรับจากครอบครัว จากสังคม รวมถึงการบูลลีต่าง ๆ นานา
แล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้ เธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ในปี 1999 ที่ Serena Williams เป็นแชมป์แกรนด์สแลมครั้งแรก
ตอนนั้น Naomi Osaka เพิ่งมีอายุได้ 1 ขวบ
19 ปีต่อมา Naomi Osaka สามารถเอาชนะ Serena Williams ที่เปรียบเสมือนไอดอลของเธอ
และก้าวขึ้นเป็นแชมป์แกรนด์สแลมสมัยแรก ในปี 2018
ที่น่าสนใจคือ Naomi Osaka ยังถือเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรก ที่คว้าตำแหน่งนี้
นอกจากนั้น เธอยังขึ้นเป็นนักเทนนิสหญิงอันดับ 1 ของโลก ในปี 2019
ซึ่งถือเป็นนักกีฬาเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่สามารถขึ้นมาได้ถึงจุดนี้
ล่าสุด Naomi Osaka ได้รับการจัดอันดับโดย Forbes ให้เป็นนักกีฬาหญิง ที่มีรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ 
แล้วเส้นทางก่อนจะมาถึงจุดสูงสุดนี้ของ Naomi Osaka เป็นอย่างไร?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ
คุณแม่ของ Naomi Osaka เป็นชาวญี่ปุ่น ส่วนคุณพ่อเป็นคนเฮติ 
ซึ่งทั้งสองพบรักกันที่ประเทศญี่ปุ่น และต้องแอบคบกันอย่างลับๆ เนื่องจากทางบ้านของฝ่ายหญิงไม่ยอมรับ
เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองถูกเปิดเผย เรื่องราวก็ยิ่งบานปลาย 
จนทำให้คุณแม่ของ Naomi Osaka ต้องตัดความสัมพันธ์กับทางบ้าน และย้ายไปอยู่อาศัยที่เมืองอื่น
ต่อมาทั้งสองได้ให้กำเนิดลูกสาว 2 คน ซึ่งก็คือ Mari Osaka ผู้เป็นพี่สาว และ Naomi Osaka
เมื่อ Naomi Osaka อายุได้ 3 ขวบ คุณพ่อของเธอก็พาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
ช่วงเวลานั้นเอง ที่พ่อของเธอได้มีโอกาสเห็นคู่พี่น้อง Venus และ Serena Williams เล่นเทนนิสด้วยกัน และเอาชนะการแข่งขัน French Open ประเภทคู่ในปี 1999
ซึ่งจริงๆ แล้ว Richard Williams พ่อของพี่น้อง Venus และ Serena Williams ก็ไม่เคยลงสนามแข่งเทนนิสเอง แต่สามารถปั้นสุดยอดพี่น้องนักเทนนิสได้ ดังนั้นพ่อของครอบครัว Osaka จึงเดินรอยตาม และปูเส้นทางสู่นักเทนนิสอาชีพสำหรับลูกสาวทั้งสองของเขา
อย่างไรก็ตาม นอกจากการฝึกซ้อมอย่างจริงจังแล้ว 
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นเหมือนความท้าท้ายของครอบครัว Osaka ก็คือการทำให้ครอบครัวที่ญี่ปุ่นยอมรับ 
ทั้งจากอคติด้านเชื้อชาติ รวมถึงการดูถูกว่าเทนนิสเป็นได้เพียงงานอดิเรก แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาเลี้ยงชีพได้
เรื่องนี้เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้คุณพ่อตัดสินใจให้พวกเธอเป็นนักกีฬาในนามของประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงแรกของเส้นทางนักเทนนิสของ Naomi Osaka ก็ไม่ได้โดดเด่น
เธอไม่สามารถเอาชนะ Mari ผู้เป็นพี่สาวได้เลย ดังนั้นเป้าหมายแรกของเธอ จึงเป็นการฝึกซ้อมเพื่อเอาชนะพี่สาว
หลังจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ในที่สุด Naomi Osaka 
ก็เข้าสู่การเป็นนักเทนนิสอาชีพในปี 2013 ไม่กี่เดือนก่อนที่เธอจะอายุ 16 ปีเต็ม
และไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เธอก็สามารถเอาชนะพี่สาวในการแข่งขันได้สำเร็จ 
กราฟเส้นทางนักเทนนิสอาชีพของ Naomi Osaka เริ่มเป็นช่วงขาขึ้น
โดยในปี 2018 Naomi Osaka กลายเป็นจุดสนใจ 
หลังจากที่เธอสามารถเอาชนะ Serena Williams 
นักเทนนิสรุ่นพี่ ที่เป็นเหมือนไอดอลของเธอ ในการแข่งขัน U.S. Open 
ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสี่รายการใหญ่ของโลก ที่เรียกรวมว่า “แกรนด์สแลม”
แม้ว่าการแข่งขันครั้งนั้นจะผ่านไปแบบไม่ค่อยราบรื่นนัก 
เนื่องจาก Serena Williams ไม่พอใจการตัดสินของกรรมการ จนทำให้โดนตัดคะแนน
ส่วนกองเชียร์ ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจเช่นกัน ที่ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้
ซึ่งสุดท้าย แม้ว่า Naomi Osaka จะสามารถครองสติได้ดีกว่า และเอาชนะ Serena Williams ไปได้ 
แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงความดีใจได้เต็มที่
เพราะผู้ชมหลายคนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจกับผลการตัดสิน
จน Serena Williams ต้องออกมาพูดว่า Naomi Osaka ทำได้ดีมากจริงๆ ในการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ขึ้นรับถ้วยรางวัล Naomi Osaka ได้กล่าวขอโทษที่การแข่งขันจบลงแบบนี้ 
และกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาชม รวมถึงเสริมว่าเธอฝันมาตลอดว่าจะได้แข่งกับ Serena และดีใจมากที่โอกาสนั้นเป็นจริง
ล่าสุด Naomi Osaka ก็ได้เป็นตัวแทนนักกีฬาจากทีมญี่ปุ่น ในงานโอลิมปิกฤดูร้อน ที่ถูกเลื่อนออกไปเพราะเหตุไม่คาดฝันเรื่อง COVID-19
แต่การเอาชนะคู่แข่งที่เป็นตำนานของวงการ รวมถึงการเป็นตัวแทนนักกีฬาโอลิมปิก
ก็ทำให้ Naomi Osaka ได้รับความสนใจจากแบรนด์สินค้าจำนวนมาก
โดยปัจจุบันผู้สนับสนุน Naomi Osaka มีมากกว่า 10 แบรนด์สินค้า เช่น Nissan Motor, Shiseido, Nike, รวมถึง Yonex แบรนด์ไม้เทนนิสที่เธอใช้แข่งขันมาโดยตลอด
และล่าสุดเธอได้รับเลือกเป็น Brand Ambassador ของเสื้อผ้าแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton 
ในคอลเลกชัน Spring 2021 ที่ได้ Nicolas Ghesquière ดีไซน์เนอร์คนดังมาร่วมออกแบบ
ทั้งหมดนี้ทำให้ Naomi Osaka ที่มีอายุ 23 ปี กลายเป็นนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุดในโลก
โดยในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาเธอทำรายได้สูงถึง 1,920 ล้านบาท
ทั้งเงินรางวัลจากการแข่งขัน และเงินจากผู้สนับสนุน
ซึ่งที่ผ่านมา Serena Williams ครองสถิตินี้มาติดต่อกัน 4 ปี 
โดยถ้านับตลอดชีวิตอาชีพนักกีฬา เธอทำรายได้ไปเกือบหมื่นล้านบาทแล้ว
ที่น่าสนใจอีกประเด็นก็คือก่อนหน้า Serena Williams 
นักกีฬาหญิงที่มีรายได้สูงสุดในโลก คือ นักเทนนิสชาวรัสเซีย Maria Sharapova
และจากสถิติที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า เทนนิสจะเป็นกีฬาเพียงชนิดเดียว
ที่พาให้นักกีฬาหญิง มีรายได้สูงจนติด 100 อันดับแรกของโลก
ซึ่งส่วนหนึ่ง ก็เพราะเป็นกีฬาไม่กี่ชนิด ที่เพศชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน 
ทั้งด้านเงินรางวัล และความนิยมของคนดู 
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงเห็นได้ว่า ชัยชนะของ Naomi Osaka แต่ละครั้ง 
ไม่ได้เป็นเพียงการเอาชนะคู่แข่ง 
แต่ยังเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ 
ทั้งจากสายตาคนนอก และสายตาจากคนในประเทศที่เธอมองว่าเป็นบ้านเกิด
โดยเฉพาะคนในครอบครัวของเธอเอง 
เพราะจริงๆ แล้ว Naomi Osaka ก็ถือเป็นลูกครึ่งไม่กี่คน ที่ได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่น 
โดยที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นเคยไม่พอใจที่ Ariana Miyamoto นางแบบลูกครึ่ง คว้ามงกุฎ Miss Universe Japan ในปี 2015 
เนื่องจากเธอมีผิวสีเข้ม และหน้าไม่มีความเป็นญี่ปุ่น
แต่ในกรณีของ Naomi Osaka อาจต่างไปจากเรื่องนี้ 
เพราะการชนะการแข่งขันแต่ละครั้งของเธอ หมายถึงการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
ซึ่งทำให้คนในครอบครัว รวมถึงชาวญี่ปุ่นคนอื่น ค่อยๆ ยอมรับความสามารถของเธอ
ดังนั้นจริงๆ แล้ว คู่แข่งของ Naomi Osaka อาจจะไม่ใช่นักเทนนิสที่อยู่อีกฝั่ง
แต่เป็นใจของคนดู ที่เธอต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
และในวันนี้เธอก็ทำได้ในที่สุด..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.