กรณีศึกษา โอมากาเสะดอกไม้ หัวละ 800 รับลูกค้าวันละ 1 โต๊ะ แต่คิวยาวจนถึงสิ้นปี
Food

กรณีศึกษา โอมากาเสะดอกไม้ หัวละ 800 รับลูกค้าวันละ 1 โต๊ะ แต่คิวยาวจนถึงสิ้นปี

16 พ.ค. 2022
กรณีศึกษา โอมากาเสะดอกไม้ หัวละ 800 รับลูกค้าวันละ 1 โต๊ะ แต่คิวยาวจนถึงสิ้นปี /โดย ลงทุนเกิร์ล
การรับลูกค้าวันละ 1 โต๊ะของบ้านวสุนธารา & โฮมสเตย์ คือรับลูกค้าได้จำนวนมากที่สุด 10 คนต่อวัน
ถ้าลองคำนวณเล่น ๆ หากมีลูกค้าจองโต๊ะเต็มทุกวัน ก็จะมีรายได้ตกวันละ 8,000 บาท
ซึ่งเจ้าของร้านโอมากาเสะดอกไม้นี้ ก็คือ คุณลุงวิลาศ จุลกัลป์ อายุ 57 ปี
เรื่องราวของคุณลุงวิลาศ น่าสนใจอย่างไร ?
และอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณลุง ตัดสินใจเกษียณตัวเอง แล้วมาเปิดร้านอาหารอินทรีย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ
ย้อนกลับไปในช่วงที่คุณลุงวิลาศใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ
คุณลุงวิลาศทำอาชีพเป็นนักแปลบทภาพยนตร์ นักแปลหนังสือ และเป็นครูสอนภาษา
คุณลุงจึงสามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น
พอทำมาจนถึงช่วงวัยใกล้เกษียณ คุณลุงวิลาศก็มานั่งคิดถึงบั้นปลายชีวิตของตัวเองว่า ถ้าเจ็บป่วยในกรุงเทพฯ ก็คงต้องดิ้นรนหาเงินต่อไปไม่รู้จบ
ดังนั้นถ้าถึงวัยเกษียณ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีสุขภาพที่ดี
ถึงจะเป็นการเกษียณอย่างมีคุณภาพ
รวมถึงมีอาหารการกินที่ดี ได้สูดอากาศที่ดี และอารมณ์ดี
เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน คุณลุงวิลาศจึงเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ มาซื้อที่ดินที่จังหวัดเชียงใหม่
แม้การเริ่มต้นชีวิตเกษตรกรในวัยใกล้ 50 ปี โดยไม่มีความรู้ด้านเกษตรกรเลย ค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับคุณลุงวิลาศแต่อย่างใด
โดยหลังจากได้ที่ดิน คุณลุงก็เริ่มซื้อรถไถ
และลงแรงไถเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับทำเกษตรอินทรีย์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยากคือ
ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีคนทำเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว กว่า 100 ราย
คุณลุงวิลาศจึงคิดให้แตกต่าง เพื่อที่คู่แข่งของตัวเองจะได้น้อย
สุดท้าย จึงมาจบลงที่ “ดอกไม้กินได้อินทรีย์”
ซึ่งเมนูโอมากาเสะดอกไม้ หรือดอกไม้กินได้ที่ว่านี้ จะใช้ดอกไม้เป็นองค์ประกอบในการตกแต่งเป็นหลัก แต่ก็จะมีบางเมนูที่ใช้ดอกไม้กินได้ เป็นส่วนประกอบของอาหารอยู่ด้วย
เช่น เมนูข้าวยำ ที่มีส่วนผสมคือ ถั่วงอก, ส้มโอ, ดอกไม้ รวมถึงผักสมุนไพรพื้นบ้านที่ปลูกในสวน 10 กว่าชนิด และเมี่ยงคำดอกไม้ ที่ใช้วัตถุดิบที่มีในสวน
โดยคุณลุงจะเสิร์ฟอาหารทั้งหมด 6-7 เมนูด้วยกัน
ส่วนราคาต่อคอร์สจะตกอยู่ที่ 800 บาทต่อหัว
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา เทรนด์ดอกไม้กินได้ ก็กำลังมาแรงเลยทีเดียว
แต่คุณลุงเริ่มทำเกษตรอินทรีย์และสวนดอกไม้กินได้ ตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ก่อนที่เทรนด์นี้จะมาเสียอีก
ดังนั้น ปัจจุบันบ้านวสุนธารา & โฮมสเตย์
จึงเป็นร้านอาหารที่ได้รับความสนใจจากสื่อไทยและต่างชาติจำนวนมาก
และถือเป็นความโชคดีของคุณลุงที่คิดต่าง บวกกับเทรนด์ที่ทำให้คนรู้จักดอกไม้กินได้ รวมถึงเปิดใจที่จะลองรับประทานมากขึ้น จนทำให้ร้านมีคิวจองยาวไปจนถึงสิ้นปี
บ้านวสุนธารา & โฮมสเตย์ จึงเปรียบเหมือนแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของคนรักสุขภาพ ที่มีเมนูเด็ดจากดอกไม้กินได้กว่า 30 ชนิด เช่น อัญชัน, กุหลาบมอญ, อ่อมแซ่บ, ดอกเข็ม, ดอกดาวเรือง, พวงชมพู และดอกโสน
ที่สำคัญคือ คุณลุงวิลาศบอกว่า “เมนูที่คุณลุงทำจะเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล และถ้าอยากทำเมนูอะไร คุณลุงก็จะทำตามใจตัวเอง”
ตรงกับคอนเซปต์ของร้าน คือ “คนทำจะต้องมีความสุขก่อน”
ดังนั้น ลูกค้าที่จองเข้ามาทาน จะไม่รู้เมนูล่วงหน้าเลย ว่าจะได้ทานอะไร
ซึ่งนี่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบ้านวสุนธารา & โฮมสเตย์ ที่ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารเฉพาะกลุ่ม แต่ทุกเมนูอาหารก็มีความลิมิติดอิดิชัน อยู่ในตัว
ประกอบกับความน่ารัก ขี้เล่น และเป็นกันเองของคุณลุงวิลาศ ทำให้ลูกค้าที่เคยเข้ามาใช้บริการติดอกติดใจ จนเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก และอยากกลับมาใช้บริการซ้ำอีกทุกครั้งที่ได้มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่น่ายินดี ที่คุณลุงวิลาศ ได้ค้นพบแพสชันของตัวเองในช่วงวัยเกษียณ
โดยคุณลุงยังบอกอีกว่า “โดยปกติแล้ว คุณลุงจะเดินทำโน่นทำนี่ในสวนของตัวเองจนเกือบค่ำ ถ้าฟ้าไม่มืดก็จะไม่เข้าบ้าน เพราะคุณลุงรู้สึกเหมือนได้รางวัล เวลาที่ได้เห็นสิ่งที่เราทำแล้วมันออกผล” นั่นเอง..
References:
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.