ร้านเบอร์เกอร์ ที่พัฒนาร่วมกับวิศวกร NASA, Tesla และ Apple
Business

ร้านเบอร์เกอร์ ที่พัฒนาร่วมกับวิศวกร NASA, Tesla และ Apple

5 ก.ย. 2022
ร้านเบอร์เกอร์ ที่พัฒนาร่วมกับวิศวกร NASA, Tesla และ Apple /โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อ 74 ปีที่แล้ว
เกิดการคิดค้นที่พลิกโฉม ระบบการทำงานในครัว
ให้มนุษย์สามารถทำเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น ได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที
และหลังจากนั้น ร้านที่เป็นต้นกำเนิดของระบบนี้
ก็ได้กลายเป็น “เชนฟาสต์ฟูด ที่ใหญ่สุดในโลก” ที่ชื่อว่า “McDonald’s”
แม้กระทั่งในปัจจุบัน มนุษย์ก็ยังคง ไม่หยุดที่จะหาวิธีใหม่ ๆ มาใช้พัฒนางานในครัว
และหนึ่งในบริษัทที่ทำได้สำเร็จ ก็คือ “Creator Burger” ร้านเบอร์เกอร์ ในเมืองซานฟรานซิสโก ที่มีหุ่นยนต์ดูแลทุกขั้นตอนของการทำอาหารในครัว
โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ สามารถผลิตเบอร์เกอร์ได้ถึง 130 ชิ้น ภายใน 1 ชั่วโมง
หรือก็คือ เร็วกว่าระบบที่ McDonald’s เคยคิดค้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
แล้วธุรกิจ Creator Burger ที่พัฒนาหุ่นยนต์มาเป็นเชฟ น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
“Creator Burger” คือ ร้านเบอร์เกอร์แห่งแรกของโลก ที่มีการนำหุ่นยนต์ มาทำงานในครัวอย่างครอบคลุม
ตั้งแต่ การหั่นขนมปัง ทาเนย ปิ้งขนมปัง บดเนื้อ ย่างเนื้อ ไปจนถึงการหั่นผัก และราดซอสต่าง ๆ
โดยนักพัฒนาของ Creator ใช้เวลาในการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้นานถึง 8 ปี ซึ่งมีการทำงานร่วมกับกลุ่มวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มเทคโนโลยีชื่อดัง อย่าง Apple, NASA และ Tesla
ซึ่งในระหว่างการพัฒนา ก็ได้รับเงินลงทุนจากนักลงทุนหลายราย
รวมถึง Google Ventures ที่มักจะลงทุนในสตาร์ตอัปเกี่ยวกับเทคโนโลยีอีกด้วย
จนกระทั่งปี 2018 ทางทีม Creator ก็ประสบความสำเร็จ ในการสร้างหุ่นยนต์ที่มีความยาวประมาณ 4 เมตร ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนกว่า 600 ชิ้น คอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง หัวขับ 50 หัว และเซนเซอร์ 350 จุด
แต่ภาพลักษณ์ของหุ่นยนต์ตัวนี้ แตกต่างกับหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ ที่เราคุ้นเคย เพราะมันมีลักษณะคล้ายกับท่อลำเลียงในโรงงาน แต่ก็ยังเน้นความสวยงาม ของตัวเครื่องควบคู่กันไปด้วย
โดยมีการใช้ “ไม้และกระจกใส” เป็นวัสดุหลัก
เพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสีสันที่สวยงามของวัตถุดิบ
และไม้ ยังให้ความรู้สึกไม่เหมือนเป็นเครื่องจักร ในโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย
โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ ได้ถูกนำไปใช้งานเป็นครั้งแรก ที่ร้านเบอร์เกอร์ของ Creator Burger ในเมืองซานฟรานซิสโก
แล้วทำไมร้าน Creator Burger ถึงเลือกใช้หุ่นยนต์ มาทำงานในครัว ทั้ง ๆ ที่การทำเบอร์เกอร์ก็เหมือนจะไม่ได้ยุ่งยากอะไร ?
อย่างแรก คือ “ผู้ก่อตั้งนำ Pain Point จากประสบการณ์ทำงานในครัว มาเป็นจุดตั้งต้น”
โดยผู้ก่อตั้ง หรือคุณ Alex Vardakostas เติบโตและคลุกคลีมากับธุรกิจร้านขายเบอร์เกอร์ของครอบครัว ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
ในระหว่างนั้น คุณ Vardakostas ต้องพลิกแป้งและเนื้อเบอร์เกอร์ วันละหลายร้อยครั้ง ซึ่งเขามองว่า “การทำงานประเภทนี้ เหมาะสำหรับเครื่องจักรมากกว่าคน” เขาจึงอยากหาเทคโนโลยี ที่มาช่วยแก้ปัญหาการทำงานแบบเดิมซ้ำ ๆ
ประกอบกับการเรียนในสาขาฟิสิกส์ และการทำงานของคุณ Vardakostas ที่มุ่งเน้นไปทางเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้เขาเลือกที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ มาทำงานแทนมนุษย์ ในร้านเบอร์เกอร์แห่งนี้นั่นเอง
ถัดมา คือ “เทคโนโลยีและความแม่นยำ”
เนื่องจากหุ่นยนต์คือเครื่องจักร ที่ทำงานตามคำสั่ง สิ่งนี้จะช่วยให้ร้านอาหารทำงานอย่างเป็นระบบ และมีแบบแผนมากขึ้น เช่น การควบคุมวัตถุดิบ หรือการคำนวณเวลาในการทำงาน
นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังสามารถรับข้อมูลที่ซับซ้อนได้ โดยมีเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาด น้อยกว่ามนุษย์
เช่น ที่ร้าน Creator Burger จะให้ลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “Creator” เพื่อสั่งอาหาร ซึ่งลูกค้า สามารถเลือกใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปได้
เช่น ต้องการปริมาณซอสกี่กรัม
หรืออยากให้ซอสอยู่ด้านบน หรือด้านล่างของเนื้อ
อีกทั้ง ตัวแอปพลิเคชัน ยังสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ เผื่อการสั่งในครั้งหน้า โดยที่ไม่ต้องมากดเลือกใหม่ รวมถึงทุกคน สามารถแชร์สูตรเบอร์เกอร์ที่คิดขึ้นเอง ให้กับคนอื่น ๆ เพื่อมาลองใช้ได้เช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ อาจช่วยให้ทางร้านจัดการกับออร์เดอร์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจช่วยลดความผิดพลาด จากคำสั่งซื้อที่ดูวุ่นวายได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งจุดขายสำคัญของร้าน Creator Burger ก็คือคุณภาพของวัตถุดิบ
โดยวัตถุดิบต่าง ๆ จะถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ที่ปราศจากการใช้ฮอร์โมน และมาจากฟาร์มธรรมชาติ หรือผักสด ที่จะหั่นใหม่ทุกครั้งตามออร์เดอร์ เพื่อคงความสดเอาไว้
ที่น่าสนใจก็คือ เทคนิคในการเรียงเส้นเนื้อเป็นแนวตั้ง ที่ช่วยให้ลิ้นได้รับสัมผัสที่ดีที่สุดขณะเคี้ยว ก็ถอดแบบสูตรมาจากเชฟเบอร์เกอร์มิชลิน 3 ดาว ที่ปกติขายในราคาประมาณ 700 บาทต่อชิ้น
ในขณะที่ราคาเบอร์เกอร์ของ Creator Burger จะอยู่ที่ราว ๆ 250-300 บาทเท่านั้น
ซึ่งหากเราลองคำนวณคร่าว ๆ
ด้วยความสามารถในการผลิตเบอร์เกอร์ที่ 130 ชิ้นต่อชั่วโมง
นั่นก็แปลว่า ร้าน Creator Burger อาจสามารถสร้างรายได้ หลักหมื่นบาทต่อชั่วโมง ในกรณีที่มีลูกค้าเข้ามาสั่งอาหารแบบเต็มลิมิต
เรียกได้ว่า เทคโนโลยีของหุ่นยนต์ร้าน Creator Burger มีความละเอียด และสามารถรองรับความซับซ้อนได้เป็นอย่างดี จนทำให้ในปัจจุบัน Creator สามารถระดมทุนไปได้กว่า 670 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่เปิดร้าน ก็มีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย และมีกระแสต่อต้าน เกี่ยวกับการนำหุ่นยนต์มาใช้แทนมนุษย์
ซึ่งทาง Creator Burger ก็ได้ยืนยันว่า หุ่นยนต์ในร้าน ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อลดงานที่จำเจ และส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น การยืนอยู่ที่เตาย่างเป็นเวลานาน ๆ
โดยงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การทำเบอร์เกอร์ เช่น การทำสลัด หรือเติมสต็อก ก็ยังมีคนคอยดูแลอยู่เหมือนเดิม
อีกทั้งหุ่นยนต์ของ Creator Burger ยังมีรูปลักษณ์คล้ายกับเครื่องจักรมากกว่า และไม่มีชื่อเรียก ซึ่งต่างจากธุรกิจร้านอาหารอื่น ๆ ที่มักจะสร้างหุ่นยนต์ ที่มีรูปลักษณ์เหมือนหุ่นยนต์จริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ก็มีการคาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2030
หุ่นยนต์จะแย่งงานมนุษย์กว่า 800 ล้านตำแหน่ง
ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากประเทศร่ำรวย
อาจเปลี่ยนไปใช้ระบบอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์มากขึ้น
เนื่องจากพวกเขา มีเงินทุนก้อนใหญ่ ที่พร้อมสำหรับนำมาพัฒนาเทคโนโลยี
รวมถึง ค่าแรงขั้นต่ำ ของคนในประเทศเหล่านี้ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูง
จนทำให้การใช้หุ่นยนต์ สามารถประหยัดต้นทุนได้มากกว่า
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็อาจไม่ไกลเกินจริง
แต่ไม่ว่า เราจะเลือกมุ่งหน้าไปสู่ โลกแห่งอนาคต ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม
หรือเราจะเลือกรักษา โลกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไว้
บางที เราอาจจะค้นพบจุดตรงกลาง ที่ทุกมุมมองสามารถมาเจอกันได้อย่างลงตัว..
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.