รู้จัก “เกลือไม้ไผ่แอเมทิสต์” จากเกาหลี เกลือที่แพงสุดในโลก ขวดละ 3,400 บาท
Business

รู้จัก “เกลือไม้ไผ่แอเมทิสต์” จากเกาหลี เกลือที่แพงสุดในโลก ขวดละ 3,400 บาท

26 ม.ค. 2023
รู้จัก “เกลือไม้ไผ่แอเมทิสต์” จากเกาหลี เกลือที่แพงสุดในโลก ขวดละ 3,400 บาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
สำนวนจนแบบกัดก้อนเกลือกิน คงใช้ไม่ได้กับ “เกลือไผ่แอเมทิสต์” จากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเกลือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
โดยเกลือไผ่แอเมทิสต์จะมีราคาประมาณขวดละ 3,400 บาท (ปริมาณ 2.4 ขีด) หรือ ตกราคาขีดละประมาณ 1,400 บาทเลยทีเดียว
แล้วอะไรทำให้เกลือไม้ไผ่แอเมทิสต์ ที่ราคาสูงขนาดนี้ แต่ยังมีคนซื้อ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
“เกลือไผ่แอเมทิสต์” หรือ Amethyst Bamboo Salt
เป็นเกลือสีเทาอมม่วง ที่ชาวเกาหลีใช้ในการปรุงอาหาร และใช้เป็นยาแผนโบราณมาหลายร้อยปี
หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน เกลือไผ่แอเมทิสต์ก็ยังถูกผลิตเป็นสินค้าในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ อาหาร, ยา, สบู่ และยาสีฟัน
ส่วนราคาของเกลือไผ่แอเมทิสต์ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เพราะเกลือ 1 ขวด (น้ำหนัก 2.4 ขีด)
อาจมีราคาสูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,400 บาท
ซึ่งราคาขนาดนี้ อาจถือได้ว่า แพงกว่า เกลือหิมาลายัน มากกว่า 10 เท่า ซึ่งปกติจะซื้อขายกันประมาณ 170-270 บาทต่อขีด
แล้วอะไรที่ทำให้เกลือไผ่แอเมทิสต์ มีราคาสูงขนาดนี้ ?
อย่างแรก คือ กระบวนการทำที่ซับซ้อน และใช้เวลานานกว่าเกลือทั่วไปอย่างมาก
โดยกว่าจะออกมาเป็นเกลือชนิดนี้ได้
ต้องเริ่มต้นจากการหาเกลือทะเล จากชายฝั่งตะวันตกของเกาหลีใต้
และหาไม้ไผ่ที่มีอายุประมาณ 3 ปี มาตัดเป็นกระบอกสำหรับใส่เกลือ
จากนั้นก็จะบรรจุเกลือทะเลลงในกระบอกไม้ไผ่
ปิดปากกระบอกให้แน่นด้วย “ดินลมหอบ”
ซึ่งเป็นดินสีเหลืองเนื้อละเอียดในท้องถิ่นของเกาหลีใต้ ที่อุดมไปด้วยแคลเซียม
ก่อนจะนำไปเผาไฟด้วยฟืนไม้สน โดยใช้อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียสขึ้นไป และเผาต่อเนื่องประมาณ 14-15 ชั่วโมง
หลังจากเผาจนครบเวลา กระบอกไม้ไผ่ก็จะไหม้เป็นเถ้าถ่าน เหลือแต่เกลือที่มีกลิ่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ที่ผสมผสานทั้งกลิ่นหอมของเนื้อไม้ไผ่ ดินลมหอบ และยางสนจากฟืนไม้สน
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ !
เพราะเกลือเหล่านี้จะต้องถูกเผาด้วยวิธีการเดิม ซ้ำจนครบ 8 ครั้ง
ส่วนการเผา ในครั้งที่ 9 จะเพิ่มอุณหภูมิเป็น 1,000 องศาเซลเซียส และผ่านกระบวนการต่าง ๆ จนได้ออกมาเป็น เกลือไผ่แอเมทิสต์สีเทาอมม่วง และเป็นที่มาของชื่อ “เกลือไผ่แอเมทิสต์” เพราะสีออกม่วงคล้ายกับ “แอเมทิสต์ (Amethyst)” อัญมณีชนิดหนึ่งนั่นเอง
จากกระบวนการที่เล่ามาทั้งหมดนี้ จะต้องใช้เวลารวมประมาณ 1-2 เดือน จึงจะได้เกลือไผ่แอเมทิสต์สีเทาอมม่วงตามคุณภาพที่ต้องการ
อย่างที่สอง คือ ความเชื่อในเรื่องสรรพคุณ
แม้ว่าจะยังไม่มีงานรับรองทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด
แต่หลายคนก็เชื่อว่า เกลือไผ่แอเมทิสต์ ที่ผ่านการเผาหลายครั้ง จะสามารถดูดซับสารที่มีคุณประโยชน์จากไม้ไผ่มากักเก็บไว้ในเกลือได้ จึงทำให้สามารถใช้ในการบำรุง และบำบัดโรค เช่น
เมื่อผสมเกลือชนิดนี้ลงในน้ำสำหรับอาบ
สามารถป้องกันการติดเชื้อของผิวหนัง และช่วยให้ผิวเรียบเนียน
หรือบางตำราก็ว่ากันว่า เกลือชนิดนี้สามารถบำบัดจิตใจได้
โดยสารต่าง ๆ ที่อยู่ในเกลือไผ่แอเมทิสต์จะทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนภายในร่างกายที่ดีขึ้น ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย
และที่สำคัญที่สุดคือ เกลือไผ่แอเมทิสต์ สามารถนำมาปรุงอาหารได้ทั้งอาหารคาวและหวาน
โดยว่ากันว่า เกลือมีกลิ่นควันและรสชาติที่ซับซ้อน น่าค้นหา จนยากจะอธิบาย จนทำให้คนที่คลั่งไคล้ในการทำอาหาร อยากลองนำมาปรุงในเมนูอาหารสักครั้ง
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากรสชาติที่หาไม่ได้จากเกลือใด ๆ บนโลกแล้ว การปรุงอาหารด้วยเกลือที่แพงที่สุดในโลกสักหนึ่งหยิบมือ ก็เหมือนได้เติมความพรีเมียมเข้าไปในอาหารจานนั้น ให้พิเศษขึ้นได้ไม่น้อย..
-------------------------------------------------------
(ad)กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA #MarimekkoCafeThailand
-------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.