Wedding Words ธุรกิจเขียนสปีชงานแต่ง ผู้ช่วยบ่าวสาว ที่ทำเงินได้เดือนละ 250,000 บาท /โดย ลงทุนเกิร์ล

เคยไหมเวลาต้องพูดอะไรซึ้ง ๆ แล้วในหัวมีคำมากมาย แต่ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไรให้คนรู้สึกตามไปด้วย

ในต่างประเทศมีคนที่เห็น Pain Point นี้ แล้วจับมาเป็นธุรกิจเพื่อช่วยเขียนสปีชและคำอวยพรโดยเฉพาะ

ที่สำคัญคือมีคนใช้บริการจริง จนทำให้มีบริษัทสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ ปีละหลักล้านบาทเลยทีเดียว

บริษัทที่ว่าก็คือ Wedding Words ซึ่งมีบริการหลัก ๆ คือรับเขียนคำปฏิญาณของบ่าวสาวในงานแต่ง ไปจนถึงคำอวยพรของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว และพ่อแม่ด้วย

ฟังดูแล้วก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร แค่ร่างสิ่งที่จะพูดในงานแต่ง ไม่น่าจะถึงกับต้องมีบริการขนาดนี้

แล้ว Wedding Words กลายมาเป็นธุรกิจที่ทำเงินถึงหลักล้านบาทได้อย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นมาดูเรื่องราวเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ของคุณ Katelyn Peterson เพราะเธอคือผู้ตั้งต้นที่ทำให้เกิดธุรกิจ Wedding Words ขึ้นมา

โดยจุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อของเธอ ที่ต้องกล่าวไว้อาลัยหลังจากที่คุณปู่ได้จากไป ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นการบอกเล่าถึงคุณงามความดี และความรู้สึกที่มีต่อผู้ล่วงลับ

แต่เมื่อร่างสิ่งที่จะพูดเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อของเธอกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขียนออกมาเหมือนเป็นการบอกลาแบบทั่วไป ซึ่งยังขาดมิติและไม่สามารถถ่ายทอดให้คนฟังรับรู้ได้ถึงความผูกพันที่คุณพ่อมีต่อคุณปู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ด้วยความที่คุณ Peterson รักในงานเขียนเป็นทุนเดิม เธอจึงยื่นมือเข้ามาช่วยในการร่างคำไว้อาลัยใหม่ โดยเพิ่มในส่วนของเรื่องราวความทรงจำ และความรู้สึกจากคำบอกเล่าของคุณพ่อของเธอลงไป

เมื่อคุณพ่อของเธอได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดก็บอกกับเธอว่านี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจอยากจะพูดตั้งแต่แรก เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงมันออกมาได้อย่างไร

ทำให้คุณ Peterson ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ยังมีอีกหลายคนที่กำลังเจอสถานการณ์แบบเดียวกับคุณพ่อของเธอ ที่อยากถ่ายทอดความรู้สึกในช่วงเวลาสำคัญ ๆ ของชีวิต แต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

เธอจึงได้เริ่มต้นธุรกิจ Wedding Words ขึ้นมาเพราะอยากช่วยร้อยเรียงความรู้สึกของผู้คนมากมาย ให้ออกมาเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งในวันสำคัญของพวกเขา

แน่นอนว่าเส้นทางธุรกิจของเธอนั้นไม่ได้ง่าย ยิ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ไหนจะต้องมาแชร์เรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่รู้จัก ก็ยิ่งทำให้หลายคนลังเลที่จะใช้บริการ

ทำให้ในช่วงแรก คุณ Peterson ต้องไปอยู่ตามกลุ่มเกี่ยวกับงานแต่งในเฟซบุ๊ก และให้บริการฟรี แลกกับการรีวิว ซึ่งเป็นวิธีที่เธอใช้สร้างโปรไฟล์ และความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง

จนในที่สุด ก็สามารถเริ่มเก็บค่าบริการ โดยคิดราคา 350 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11,300 บาท สำหรับบริการเขียนสปีชหรือสุนทรพจน์

นับตั้งแต่นั้นมาธุรกิจก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้คุณ Peterson สามารถคิดค่าบริการได้อยู่ที่ประมาณ 32,300 บาท สำหรับบริการเขียนและปรับแก้สปีชงานแต่ง

อีกทั้งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Wedding Words ก็ทำรายได้ไปกว่า 258,000 บาท และมีรายได้รวมต่อปีแตะหลักแสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง

แม้จะดูเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่ถ้าพิจารณาจากขนาดธุรกิจและต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่ได้สูงเท่าธุรกิจอื่น ๆ รวมถึงคุณ Peterson ยังเป็นพนักงานเพียงคนเดียวของบริษัท จึงเรียกได้ว่าเธอทำเงินจากธุรกิจนี้ได้ดีทีเดียว

นอกจาก Wedding Words แล้ว ในต่างประเทศก็มีบริษัทอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกัน อย่างบริการรับเขียนคำสาบานในงานแต่ง ไปจนถึงคำไว้อาลัยถึงผู้ที่จากไป

กระบวนการทำงานหลัก ๆ ของธุรกิจประเภทนี้ จะเน้นไปที่การพูดคุยกับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวของผู้พูด แนะนำบุคลิกท่าทางและน้ำเสียงที่ใช้ เพื่อช่วยให้เขียนออกมาได้เป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นแพตเทิร์นจนเกินไป บางครั้งก็มีการใส่มุกตลกลงไปเพื่อเป็นสีสัน

และเมื่อตัวสปีชพร้อมแล้ว ก็ส่งมอบให้ลูกค้าพร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับการพูดในที่สาธารณะ เพื่อให้ออกมาราบรื่นที่สุด

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ Wedding Words ก็มาถึงจุดที่ต้องเจอกับความท้าทาย แม้ในช่วงก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2017 บริการรับเขียนสปีชงานแต่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คนจะเลือกใช้บริการ

แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไกล และถ้าถามว่าธุรกิจไหนจะได้รับผลกระทบมากที่สุด แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีบริการรับเขียนสปีช เพราะเรียกได้ว่าเป็นงานถนัดของแช็ตบอต AI เลยก็ว่าได้

แน่นอนว่า Wedding Words ก็ได้รับผลกระทบเข้าอย่างจัง โดยเว็บไซต์บริษัทสูญเสียยอดเข้าชมกว่าครึ่งในปีที่ผ่านมา ขณะที่คู่แข่งบางเจ้าก็แซงหน้าด้วยความเร็ว เพราะมีเครื่องมือ AI เข้ามาช่วย

อย่างไรก็ตาม คุณ Peterson มองว่าธุรกิจของเธออาจจะยังไปต่อได้ เพราะเธอเชื่อว่าคนที่ใช้ AI เขียนสปีชงานแต่งไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของเธอ แต่เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องที่กลั่นมาจากความรู้สึกของมนุษย์

แต่ไม่ว่าธุรกิจของเธอจะอยู่รอดหรือไม่ในอนาคต สิ่งที่ต้องยอมรับเลยคือไอเดียของเธอ กับการปั้นธุรกิจขึ้นมาจาก Pain Point ของคนใกล้ตัว

เพราะสุดท้ายการเป็นเจ้าของธุรกิจอาจไม่จำเป็นต้องเป็นการทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เสมอไป
การสร้างคุณค่าจากสิ่งเล็ก ๆ ก็สามารถเป็นไปได้ อยู่ที่ว่าจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน..

References :

เว็บไซต์บริษัท, CNBC, ELLE