Plantae x ChaTraMue กรณีศึกษา Deep Collaboration อย่างไร ให้ได้มากกว่ากระแส
Food

Plantae x ChaTraMue กรณีศึกษา Deep Collaboration อย่างไร ให้ได้มากกว่ากระแส

25 ต.ค. 2023
ระหว่างเครื่องดื่มโปรตีนพืชที่ดีต่อสุขภาพ แต่อาจไม่ถูกปาก กับชาไทยแสนอร่อย ที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่า คุณจะเลือกอะไร ?
ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องเลือก เพราะทั้งความอร่อยและความเฮลทีมารวมกันในเมนู “ชาไทยโปรตีนพืชเชค” และ “โกโก้โปรตีนพืชเชค”
รวมถึงโปรตีนแพลนต์เบส Plantae x ChaTraMue Complete Plant Protein รสชาไทยต้นตำรับ ที่เริ่มเปิดขายวันที่ 25 ตุลาคมนี้เป็นวันแรก ให้ทุกคนสามารถชงชาไทยอร่อย ๆ ได้โปรตีนและเฮลทีสุด ๆ ทุกเวลา
จากความร่วมมือของ No.1 ด้านต้นตำรับชาไทยอย่าง Cha Tra Mue และ No.1 ด้านโปรตีนพืชของไทย อย่าง Plantae ที่รสชาติอร่อย ทานง่ายจนคว้ารางวัลระดับโลกอย่าง Superior Taste Award จากประเทศเบลเยียม ที่ร่วมกันฉีกแนวคิด เฮลที = ไม่อร่อย ให้เปลี่ยนมาเป็นของอร่อยที่ยังดีต่อสุขภาพ สามารถทานทุกวันได้อย่างเอนจอยมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น คือไม่ใช่แค่ Collaboration ให้เป็นกระแส แต่เป็น Deep Collaboration
ที่ต้องผ่านการทดลองมานับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะได้เมนูโปรตีนพืชรสชาไทย ที่รสชาติใกล้เคียงกับชาไทยชงสดต้นตำรับ
วันนี้ลงทุนเกิร์ล มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณพีท-พันดนัย สถาวรมณี CEO บริษัท แพลนเต้ ไลฟ์ จำกัด
และคุณแพรว-พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด เจ้าของร้านชาตรามือ
ที่จะมาเล่าถึงเบื้องหลัง Deep Collaboration สุดเข้มข้น กว่าจะออกมาเป็นโปรตีนพืชรสชาไทยต้นตำรับ ทั้งแบบชงสดและกระปุก ที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำมาก่อน
เริ่มตั้งแต่เบื้องหลังของการ Collaboration ที่ไม่ได้มีจุดเริ่มต้น จากกลยุทธ์ด้านการตลาด
แต่เริ่มต้นจากแพสชันของทั้ง 2 แบรนด์ที่มาบรรจบกันด้วยความบังเอิญใน Thaifex งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ที่แบรนด์ได้ไปร่วมงานเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา
แพสชันหลักของคุณพีท คือความพยายามในการทำผลิตภัณฑ์จากแพลนต์เบสที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
โดยเฉพาะลูกค้าของแบรนด์ Plantae ที่เรียกร้องโปรตีนรสชาไทยมาตลอด แต่ยังไม่ตัดสินใจทำเพราะยังไม่เจอรสชาติชาไทยแบบที่ต้องการและเนื่องจากรสชาไทยเป็นรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อมีโอกาสทำ จึงอยากทำออกมาให้ใกล้เคียงกับรสต้นตำรับที่จะถูกใจคนไทยที่สุด และพยายามมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวจริงด้านชาไทยให้ได้
ขณะที่ คุณแพรวเองก็อินเรื่องการดูแลสุขภาพ และสนใจแพลนต์เบสเป็นทุนเดิม ก็กำลังมองหาแพลนต์เบสที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่หันมาสนใจด้านสุขภาพมากขึ้นได้
ด้วยแพสชันที่ตรงกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดีย จนนำไปสู่การ Collaboration ที่ไม่ใช่แค่การสร้างกระแสแบบฉาบฉวย
แต่มีเป้าหมายหลัก คือคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ลูกค้าได้ดื่ม “ชาไทยโปรตีนพืช ที่ดีต่อสุขภาพ แต่รสชาติต้องดีที่สุด และใกล้เคียงกับรสชาติต้นตำรับของชาตรามือมากที่สุด”

คุณพีทอธิบายว่า “Plantae” เองก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร ให้โปรตีนมีกลิ่นหอมของชาที่เป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ “ชาตรามือ” ก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรให้โปรตีนพืชมาอยู่ในชาชงสด หรือทำให้โปรตีนพืชรสชาไทยได้รสชาติที่กลมกล่อมใกล้เคียงต้นตำรับได้
แต่พอเรามาร่วมมือกัน นำความเป็นผู้เชี่ยวชาญของทั้ง 2 แบรนด์มารวมกัน บวกกับแพสชัน ทำให้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ก็ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้”
แต่ต้องบอกว่า กว่าจะออกมาได้รสชาติแบบที่หวังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
ด้วยการตั้งเป้าหมายที่สูงและไม่เคยทำมาก่อน ทำให้ทั้งสองแบรนด์ต้องวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้นสุด ๆ เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดหลายอย่างไปให้ได้ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน
เช่น ด้านชาตรามือ ต้องหาวิธีเบลนด์ส่วนผสมที่ทำให้กลิ่นของชายังเข้มข้นแบบต้นตำรับ โดยเทียบกับชาไทยชงสดหน้าร้านจริง ๆ
“ชาเลนจ์ของชาตรามือ คือใช้โปรตีนพืชมาใช้กับชาชงสดที่ไม่เคยทำ แต่ต้องทำให้อร่อย เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าดื่มได้ง่ายขึ้น” คุณแพรวกล่าว
ขณะที่ด้าน Plantae ก็ยืนยันที่จะใช้วัตถุดิบจากโปรตีนพืช 5 ชนิด ที่มีทั้งถั่วลันเตาคัดพิเศษ, ข้าวออร์แกนิก, ถั่วเหลือง, เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน เพื่อความหลากหลายของสารอาหาร และคงกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ให้ครบถ้วนตามแบบฉบับของ Plantae เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคด้านคุณประโยชน์มากที่สุด ทำให้ต้องพัฒนาโปรตีนให้สามารถชงในน้ำร้อนได้ และมีกลิ่นเฉพาะของพืชลดลง เพื่อไม่ให้กลบกลิ่นชาไทย ที่ไม่เคยทำมาก่อนเช่นกัน
เรียกได้ว่าทั้งสองแบรนด์ต้องปรับและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเข้มข้น
เป็นความท้าทายที่ยาก จนถึงขั้นเคยคิดที่จะล้มเลิกโปรเจกต์นี้กันเลยทีเดียว เพราะถ้าไม่ดีจริงก็ไม่ยอมปล่อยให้เสียชื่อ
แต่แล้วความพยายามก็ไม่เคยทำร้ายใคร ระหว่างที่ทั้งสองแบรนด์ยังเดินหน้าทดลองไปเรื่อย ๆ ผ่านการทดลองชิมโดยกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 100 ครั้ง
ใช้ไรเดอร์วิ่งรับส่งชาชงสดจากหน้าร้านชาตรามือ เพื่อนำไปทดลองชงโปรตีนพืชในแล็บของแพลนเต้ให้ทันภายใน 2 ชั่วโมงแบบนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อไม่ให้ชาชงสดสูญเสียกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เจอกับรสชาติที่ลงตัวในแบบที่ต้องการ นั่นคือ “ชาไทยโปรตีนพืชเชค” และโปรตีนพืชรสชาไทยต้นตำรับ ที่มีรสชาติใกล้เคียงกับชาไทยต้นตำรับชาตรามือ แต่ยังคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี
นับเป็นความสำเร็จของทั้งสองแบรนด์ ที่สามารถออกผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างที่ตั้งใจ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ ชาไทยโปรตีนพืช
ผลิตภัณฑ์จากการ Collaboration ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก
- ส่วนแรก คือเมนูเครื่องดื่มโปรตีนพืชเชค ที่ให้โปรตีนสูง 20 กรัม ไม่ใส่น้ำตาลทราย, นมข้นหวานและครีมเทียม แคลอรีเพียงร้อยนิด ๆ
ประกอบด้วยสองเมนู ได้แก่ เมนูชาไทยโปรตีนพืชเชค และ โกโก้โปรตีนพืชเชค จำหน่ายที่หน้าร้านชาตรามือ 135 สาขา
- ส่วนที่สอง เหมาะสำหรับสายสุขภาพ ที่สะดวกเชคโปรตีนดื่มเองที่บ้านทุกเวลา กับโปรตีนแพลนต์เบส “Plantae x ChaTraMue Complete Plant Protein รสชาไทยต้นตำรับ” ที่มาในกระปุกฝาแดงสุดพิเศษ มีจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ และกำลังจะเข้าจำหน่ายที่ร้านค้าสุขภาพและร้านค้าทั่วไปกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงหน้าร้านชาตรามือกว่า 54 สาขา
เริ่มจำหน่าย 25 ต.ค. 66 ที่ต้องบอกว่า Plantae ไม่เคยร่วมคอลแลบกับแบรนด์ไหน ทำกระปุกพิเศษแบบนี้มาก่อนอีกด้วย
โดยกระปุกโปรตีนพืช Plantae x ChaTraMue Complete Plant Protein ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ภาพจำของกระป๋องชาตรามือ สีแดง-ขาว ที่มีเอกลักษณ์ นำมาผสมผสานกับดีไซน์กระปุกที่ไม่เหมือนใครของ Plantae รวมถึงกระปุกและช้อนยังเป็น Landfill-biodegradable ที่ไม่เพียงแต่สามารถ recycle ได้เท่านั้น แต่ยังย่อยสลายในบ่อฝังกลบได้เร็วกว่าพลาสติกทั่วไปถึง 100 เท่า คงคอนเซ็ปต์ “We don’t just provide food, We save lives.” แบรนด์โปรตีนพืช No.1 เพื่อโลก
คุณพีทกล่าวว่า “ถ้า Plantae จะร่วมกับชาไทย ไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญ แต่ต้องสุดจริง ๆ ผมว่าไม่มีใครสุดเรื่องชาเท่า ชาตรามือ ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ รสชาติ และแบรนดิง ต้องทำให้สมกับที่ลูกค้ารอรสชาตินี้มานาน”
หากมองในมุมของการตลาด การมาบรรจบกันของทั้งสองแบรนด์นี้ น่าสนใจอย่างมาก
เพราะชาตรามือ เป็นแบรนด์ชาเบอร์หนึ่งที่อยู่ในใจคนรักชามานานกว่า 80 ปี ขณะที่ Plantae เป็นสตาร์ตอัปด้านสุขภาพน้องใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว 284 เท่าภายในเวลา 2 ปี แต่กลับมีแพสชันที่ตรงกัน
แถมยังสามารถขับเคลื่อนแพสชัน มาส่งต่อให้กับผู้บริโภคของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างลงตัว
ที่ไม่ใช่แค่สร้างกระแสในระยะสั้น แต่ยังสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในระยะยาว ทั้งคนรักชาของชาตรามือที่จะได้มีโอกาสได้ดื่มชารสชาติที่ตัวเองชอบ ที่มีส่วนประกอบที่เฮลทีขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกด้านสุขภาพ
ขณะที่ลูกค้าสายเฮลทีเดิมของ Plantae ก็เพิ่มความสุขในการดูแลสุขภาพได้ด้วยรสชาติที่ดีกว่า แบบไม่ต้องปิดกั้นโอกาสรับความอร่อย
โดยหลังจากนี้ Plantae x ChaTraMue มีเป้าหมายจูงมือกันพาชาไทยและโปรตีนพืชของคนไทย ตีตลาด จีน สิงคโปร์ และลาว ในอนาคต เพื่อขยายเป้าหมายให้ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือ การคอลแลบที่กินได้ และอร่อย ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริง ๆ
คุณพีท ย้ำว่า “เรา Collaboration เพื่อลูกค้า ไม่ใช่เพื่อกระแส เป้าหมายจึงไม่ใช่เรื่องยอดขาย แต่คือการไปถึงเป้าหมาย ที่ทำให้เรา Save Lives ได้มากขึ้น ทำให้คนเข้าถึงแพลนต์เบส ได้มากขึ้น ทำให้เห็นว่าสุขภาพดี ก็อร่อยได้จริง ๆ”
Plantae x ChaTraMue เมนูชาไทยโปรตีนพืชเชค และ โกโก้โปรตีนพืชเชค ราคาแก้วละ 95 บาท ส่วน “Plantae x ChaTraMue Complete Plant Protein รสชาไทยต้นตำรับ” ขนาด 400 กรัม ราคา 990 บาท และขนาด 800 กรัม ราคา 1,790 บาท
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.