รู้จัก I C I ร้านขนมที่หลุดออกมาจากโลกแห่งจินตนาการ /โดย ลงทุนเกิร์ล
แม้ขนมหวานจะพูดไม่ได้ แต่ก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้มากมายไม่แพ้คำพูด
และถ้าหากจะพูดถึงร้าน ที่สามารถทำให้ขนมถ่ายทอดเรื่องราวให้คนทานได้รับรู้
ก็น่าจะมี “I C I” เป็นหนึ่งในนั้น ร้านที่ไม่ได้แค่แต่งร้านให้สวย
แต่ขนมแต่ละจาน ยังถูกเนรมิตออกมาให้สุดน่ารัก จนไม่อยากจะจิ้มเข้าปาก

เรื่องราวของ I C I น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ

I C I อ่านว่า “อิซิ” มาจากภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า “ที่นี่”
โดนที่เลือกชื่อร้านนี้ เพราะต้องการสื่อว่า ถ้านึกถึงขนมหวาน ก็จะต้องนึกถึง “ที่นี่” นั่นเอง

ร้าน I C I เริ่มเปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2562

โดยมี 2 ผู้ก่อตั้งคนสำคัญ คือ นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า คุณ Frederic Meyer
เจ้าของร้านหลายแห่ง เช่น Issaya Siamese Club, Baan Phadthai และ Saawaan
คร่ำหวอดในวงการร้านอาหารมามากกว่า 20 ปี
ส่วนอีกคน ก็คือ เชฟเปเปอร์ อริสรา จงพาณิชกุล เป็นผู้คิดสูตรขนมทุกเมนูในร้าน I C I

เชฟเปเปอร์เรียนจบจากโรงเรียนทำขนมอบ Gastronomicom ที่ฝรั่งเศส
และหลังจากเรียนจบเธอก็ได้ออกไปหาประสบการณ์
ที่โรงแรม Beau Rivage, ร้าน Hugo and Victor ที่ปารีส และร้าน Laurent Gerbaud ที่บรัสเซลส์

ต่อมา เมื่อเชฟเปเปอร์เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย
เธอก็ได้เริ่มเข้าทำงานที่ร้าน Issaya Siamese Club
ซึ่งทำให้เธอได้พบกับคุณ Frederic Meyer และร่วมงานกันอยู่หลายครั้ง

จนในที่สุด พวกเขาก็ร่วมกันเปิดร้าน “Issaya La Patisserie” ขึ้น
ซึ่งร้านนี้มีแนวคิดที่ต้องการยกระดับมูลค่าให้ขนมไทย โดยใช้วัตถุดิบไทยๆ มาทำขนมในสไตล์ฝรั่งเศส

เห็นแล้วอาจจะดูเข้า แต่ทว่าธุรกิจแนวนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คาด
เพราะแม้ขนมจะอร่อยแค่ไหน แต่สไตล์ขนมแนวนี้ค่อนข้างจะจำกัดอยู่ในวงนักทานขนมจำนวนไม่มากนัก

และสุดท้ายร้านขนมแห่งนี้ก็ต้องปิดตัวลง..

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขาได้ร่วมมือกัน
สิ่งหนึ่งที่คุณ Frederic Meyer สังเกตเห็นในตัวเชฟเปเปอร์
ก็คือ ความสามารถในการคิดค้นเมนูขนม ออกมาได้ดีอยู่เสมอ
แต่ก็มักจะถูกตัดทิ้งไป เพราะเมนูดันไม่เข้ากับคอนเซปต์ของร้าน
ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เมนูขนมดีๆ ไม่ได้ถูกนำมาวางขาย

ดังนั้น คุณ Frederic Meyer จึงมองว่าควรมีพื้นที่ให้เชฟเปเปอร์
ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องยึดติดตามกรอบของร้านอื่นๆ

ซึ่งพื้นที่นั้นก็คือร้าน I C I นั่นเอง..

I C I เป็นร้านขนมที่มีหน้าตาเหมือนบ้านหลังน้อย สุดอบอุ่น ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 27

ทุกเมนูของร้าน I C I มีความสร้างสรรค์ราวกับเป็นผลงานศิลปะที่ทานได้
ทั้งเมนูชูครีมที่มีน้องแมวโผล่ออกมา หรือเมนูขนมที่หน้าตาเหมือนก้ามปูชิ้นโต แต่ไม่ได้ทำจากปู
ซึ่งทุกส่วนประกอบในจานนั้นสามารถทานได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ เมนูขนมของ I C I ยังมาพร้อมกับลูกเล่นสนุกๆ ชวนให้ลูกค้าตื่นตาตื่นใจ และมีส่วนร่วมในการนำเสนอขนมแต่ละจานได้
หรือบางครั้งก็มีการหยิบเอาเทพนิยาย มาถ่ายทอดในรูปของขนม

ดังนั้น สิ่งที่ทำให้ร้าน I C I แตกต่างจากร้านขนมทั่วๆไป
คือ พวกเขาไม่ได้ขายแค่ขนม แต่กำลัง “ขายประสบการณ์” ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
ทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกไปกับขนมที่มาเสิร์ฟ เหมือนได้ย้อนกับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

แล้ว I C I มีกลยุทธ์อะไรในการบริหารร้านนี้บ้าง?

เรื่องแรกที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ เมนูขนม และบรรยากาศร้านสุดสร้างสรรค์
ซึ่งถือเป็นการโฆษณาอย่างดีของร้านแห่งนี้

เพราะเมื่อลูกค้ารู้สึกประทับใจ ก็จะแชร์ในโซเชียลมีเดีย จนเกิดการแนะนำการปากต่อปาก
รวมไปถึงดึงดูดให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ หลั่งไหลกันมารีวิวที่ร้านแห่งนี้ไม่ขาดสาย
ทำให้เหมือนได้พื้นที่โฆษณาร้านไปโดยอัตโนมัติ

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ เมนูแบบ Seasonal ที่จะเปลี่ยนไปตามเทศกาล
อย่างเช่น ช่วงคริสต์มาส, ฮาโลวีน

หรือในช่วง COVID-19 ที่ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศหยุดชะงัก
เชฟเปเปอร์ก็ได้ออกคอลเลกชัน “I C I around the world”
ที่มีเมนูขนมเป็นตัวแทนประเทศต่างๆ ชวนให้คนทานรู้สึกเหมือนได้เดินทางท่องเที่ยวผ่านเมนูขนม

ซึ่งการออกเมนู ให้ปรับเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์สำคัญต่างๆ
จะช่วยให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื้อ และยังดึงดูดให้ลูกค้าอยากแวะเวียนกลับมาทานอีกเรื่อยๆ

เรื่องราวของ I C I และเชฟเปเปอร์ ทำให้ลงทุนเกิร์ลนึกถึงประโยคที่ว่า
“Put the right man on the right job” หรือ เลือกคนให้เหมาะกับงาน

เหมือนกับเชฟเปเปอร์ ที่ได้ทำขนมในแนวทางที่เป็นตัวของเธอเอง และไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบ
จึงเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่เรียกว่า “ร้าน I C I” ซึ่งเข้าไปประทับอยู่ในใจของลูกค้าได้ไม่ยาก..