กรณีศึกษา ร้านชา Tsuen Tea ทำอย่างไร ให้อยู่มาได้ถึง 863 ปี ?
Business

กรณีศึกษา ร้านชา Tsuen Tea ทำอย่างไร ให้อยู่มาได้ถึง 863 ปี ?

6 ก.พ. 2023
กรณีศึกษา ร้านชา Tsuen Tea ทำอย่างไร ให้อยู่มาได้ถึง 863 ปี ? /โดยลงทุนเกิร์ล
“รุ่นหนึ่งสร้าง รุ่นสองรักษา รุ่นสามทำลาย”
คำกล่าวนี้กำลังบอกเราว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่รุ่นต่อไปจะสานต่อกิจการ หรือสามารถฝ่าฟันทุกมรสุม จนประสบความสำเร็จเดินตามรอยเหมือนรุ่นก่อน ๆ ได้ทั้งหมด
เพราะอย่าลืมว่าโลกธุรกิจไม่เคยหยุดหมุน และบางครั้งอาจมีบางธุรกิจที่พลาด จนต้องล้มหายตายจากไป จากการเปลี่ยนมือของผู้บริหาร
แต่สำหรับ “Tsuen Tea” ร้านขายชาเก่าแก่ในญี่ปุ่น กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะธุรกิจนี้ดำเนินมาถึงรุ่นที่ 24 และสืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 863 ปี จนถูกจารึกให้เป็น “ร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก”
อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ Tsuen Tea อยู่มาได้ยาวนานขนาดนี้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1160 อดีตซามูไร ที่ชื่อว่า Masahisa Tsuen เมื่อเขาเกษียณอายุ ก็ผันตัวมาเปิดธุรกิจร้านขายชาเป็นของตนเอง
โดย Tsuen Tea ถือเป็นร้านขายชาเจ้าแรก ๆ ในย่านเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต ซึ่งเมืองนี้ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นแหล่งปลูกชาเขียวอุจิชั้นเลิศ ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ทำเลของร้าน อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำอุจิ ซึ่งเชื่อมต่อการเดินทาง จากเขตแดนจังหวัดเกียวโตไปยังนาระ ซึ่งในตอนนั้นการเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ มีเพียงทางเดียวเท่านั้น
จึงทำให้ร้านชาของ Tsuen Tea กลายเป็นจุดพักผ่อน เพื่อแวะจิบชาร้อน ๆ ของทั้งบรรดาขุนนางชั้นสูง เจ้าเมือง ซามูไรผู้สูงศักดิ์ และนักบวชในสมัยนั้น
แม้ว่าร้าน Tsuen Tea จะอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี จนกลายเป็นจุดหมายเพื่อแวะพักของนักเดินทางต่าง ๆ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนแวะเวียน เพื่อมาดื่มชาที่ร้านอย่างไม่ขาดสาย นั่นก็คือ ความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการชงชา เพื่อให้ได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบชาชั้นเลิศแห่งเมืองอุจิ กรรมวิธีในการชงชาแบบโบราณ ไปจนถึงอุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับพิธีชงชา เช่น กาต้มน้ำ กระบวยตักน้ำชงชา โถใส่ชา และช้อนตักชาที่ทำจากไม้ไผ่
และด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ จึงทำให้รสชาติชาของ Tsuen Tea มีความนุ่มนวลกลมกล่อม และถูกอกถูกใจลูกค้าผู้มาเยือน
จนในที่สุด Tsuen Tea ก็กลายเป็นที่เลื่องชื่อในด้านชา ประจำเมืองอุจิ และผู้คนทั้งใกล้และไกล ต่างก็หลั่งไหลมาที่ร้าน เพื่อลองชิมและซื้อชาคุณภาพสูง
ด้วยความตั้งใจในการทำธุรกิจตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ จนผ่านมากว่า 8 ศตวรรษ มันจึงกลายเป็นคุณค่า ที่หล่อหลอมจิตวิญญาณให้ Tsuen Tea ยังคงถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ในรุ่นที่ 24
แล้วอะไรคือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ Tsuen Tea ยืนยาวมาหลายศตวรรษ ?
อย่างแรก คือ ปรัชญาการทำธุรกิจ แบบ “ริเน็น” (Rinen)
อย่างในกรณีของตระกูล Tsuen พวกเขาจะมีทัศนคติว่า ร้าน Tsuen Tea ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่เป็น “มรดกทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม” ซึ่งถ้าหากพวกเขาไม่รักษาธุรกิจนี้ไว้ มรดกนับร้อยปีก็จะหายไป
ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ ได้สอดคล้องกับ ปรัชญาการทำธุรกิจ แบบริเน็น
โดยในหนังสือ “ริเน็น สร้างธุรกิจ 100 ปี ด้วยหลักคิดแบบญี่ปุ่น” ได้อธิบายไว้ว่า
การทำธุรกิจ แบบริเน็น จะไม่ได้เริ่มต้นจากการคิดว่า เราจะทำเงินได้เท่าไร ?
แต่จะมองว่า ธุรกิจเรามี “ประโยชน์” อะไรต่อคนอื่นบ้าง ?
หรือ ถ้าธุรกิจเราไม่อยู่แล้ว ลูกค้าคงจะคิดถึงเราน่าดู..
ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ ทายาทหลายสิบรุ่น ยังมีแรงจูงใจที่จะทำธุรกิจต่อไป
รวมไปถึง คนที่มีแนวคิดการทำธุรกิจแบบริเน็น จะมีเป้าหมายหลัก คือ “การรักษา” ธุรกิจเหล่านี้ให้อยู่รอด และอยู่ได้นาน
แต่จะไม่ได้เน้นการทำรายได้ - กำไรที่หวือวา
ซึ่งถ้าหากเป็นการทำธุรกิจทั่ว ๆ ไป
เจ้าของกิจการอาจจะล้มเลิกไปเมื่อธุรกิจทำกำไรได้ไม่คุ้มเหนื่อย
ดังนั้น นี่จึงอธิบายได้ว่า ทำไม ร้านชา Tsuen Tea ที่ดำเนินกิจการมา 863 ปี ถึงยังคงมีเพียง 1 สาขา
เนื่องจาก เป้าหมายหลักของพวกเขา ไม่ใช่การขยายกิจการให้ใหญ่โต จนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่เป็นการรักษาคุณค่าตั้งแต่ในอดีต ให้อยู่ไปได้นาน ๆ นั่นเอง..
อย่างที่สองคือ กรรมวิธีในการผลิตชา ตามแบบฉบับดั้งเดิมของตระกูล Tsuen
ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวใบชา ก็จะคัดเลือกเฉพาะส่วน “อิจิบันฉะ” หรือ ส่วนยอดชาอ่อน ซึ่งเป็นยอดชาแรกของฤดูกาลการเก็บเกี่ยว ทำให้ได้ใบชาเขียวที่มีคุณภาพสูงสุด ทั้งในด้านรสชาติที่หวานนุ่มละมุน และยังอุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร
เนื่องจากต้นชาได้เก็บสะสมสารอาหารและความหวานไว้ที่รากตลอดช่วงฤดูหนาว จนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นชาได้สัมผัสอากาศที่อบอุ่นจากไอแดด สารอาหารและความหวานจึงถูกส่งมาที่ยอดใบชา
เมื่อได้ยอดใบชาสดชั้นดีมาแล้ว ทางร้านก็จะนำใบชาไปผ่านกรรมวิธีแปรรูปใบชา ตามสูตรลับดั้งเดิมของตระกูล ทั้งการรีดใบชาเพื่อทำให้ชามีกลิ่นหอมพิเศษเฉพาะ การหมักใบชา การทำใบชาให้แห้ง ไปจนถึงการบดชาให้เป็นผงจนละเอียดด้วยอิชิอุซุ หรือครกหินญี่ปุ่น
ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ชาของร้าน Tsuen Tea มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อีกทั้งในแต่ละขั้นตอนก็ยังต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการผลิตที่ถูกสั่งสมจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ชาเขียวของ Tsuen Tea ยังคงความเป็นต้นตำรับเอาไว้
อย่างถัดมา คือ “ประสบการณ์” เป็นสินค้าอีกชิ้นของร้าน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังคงแวะเวียนมาที่ร้าน Tsuen Tea ก็เป็นเพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานของร้าน Tsuen Tea จนดึงดูดให้คนอยากแวะเวียนมาลองจิบชาที่นี่ดูสักครั้ง
แต่นอกจากความเก่าแก่ของร้านแล้ว
Tsuen Tea ก็ยังเพิ่มจุดขายด้วยการโฟกัสว่า จะทำอย่างไรให้เป็นร้านชาที่ดีที่สุด
ดังนั้น ทุกครั้งที่ลูกค้ามาที่ร้าน ทางร้านจะเริ่มต้นด้วยการพูดคุย สอบถามความชอบและความต้องการของลูกค้า เพื่อที่จะสามารถแนะนำสินค้าให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน
ซึ่งการกระตือรือร้นที่จะบริการให้ดีที่สุดเช่นนี้ ก็เพื่อมอบความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
เพราะเมื่อลูกค้ามีความสุขจากสิ่งดี ๆ ที่ร้านมอบให้ เขาก็จะรับรู้ถึงคุณค่า เกิดเป็นความภักดี และบอกต่อคุณค่าอย่างที่ตนเองได้รับ แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
และสุดท้าย การสืบทอดธุรกิจจะไปได้ดี ก็ต้องปรับตัว
เราอาจเคยเห็นหลายธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอดีต
แต่พอเวลาผ่านไปกลับต้องปิดตัวลง ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ขายสินค้าเดิมที่คนเคยชื่นชอบ
ซึ่งจุดผิดพลาดสำคัญของหลายธุรกิจ ก็คือ การยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิม ๆ จนก้าวไม่ทันเทรนด์การบริโภค
แต่สำหรับ Tsuen Tea ที่แม้ว่าจะมีจุดขายหลัก คือ ความเก่าแก่
ก็ยังคงไม่ลืมที่จะเชื่อมโยงความดั้งเดิม เข้ากับความเป็นสมัยใหม่
เช่น การปรับเพิ่มเมนูของหวาน ให้โดนใจคนยุคใหม่
อย่าง พาร์เฟต์ชาเขียว หรือเค้กปอนด์มัทฉะ ที่ยังคงใช้ชาแบบดั้งเดิมของทางร้านมาผลิต
อีกทั้งยังมีการกระจายสินค้าไปวางขายตามคาเฟ, ร้านอาหาร และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าต่างประเทศ
และทั้งหมดนี้ ก็คือคำตอบแห่งความสำเร็จข้ามศตวรรษ ของร้านชา Tsuen Tea
ร้านที่เติบโตอย่างมั่นคงและก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย
ร้านที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและความเชื่อในตัวธุรกิจที่บรรพบุรุษสร้างไว้
และหล่อหลอมให้ลูกหลานผู้สืบทอด ต่างภูมิใจว่าตนเองกำลังสร้างประโยชน์อะไร และทำเพื่อใคร
จนทำให้แบรนด์ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมา 863 ปีแล้วก็ตาม..
-----------------------
<ad>กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป พุ่งเป้าพัฒนาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เพื่อเข้ามาเติมเต็มและต่อจิกซอว์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการร้าน Marimekko Pop-Up Café คาเฟแห่งแรกในโลก พร้อมเดินหน้าปูทางธุรกิจ F&B ภายใต้แบรนด์อื่นในเครือ หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า Gen Y - Gen Z มากขึ้น
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA#MarimekkoCafeThailand
-----------------------
References:
-หนังสือ ริเน็น สร้างธุรกิจ 100 ปี ด้วยหลักคิดแบบญี่ปุ่น โดย ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ
-https://www.bbc.com/worklife/article/20200211-why-are-so-many-old-companies-in-japan
-https://tsuentea.ca/about/
-http://www.tea/-coffee.ro/ceaiul/cea-mai-veche-ceainarie-din-lume-casa-de-ceai-tsuen/
-https://ohhotrip.com/16792/
-https://www.gov/-online.go.jp/eng/publicity/book/hlj/html/201509/201509_13_en.html
-http://www.mingart.de/albums/tsuen/
-https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Documents/PhraSiam0664/Final_Special%20Global%20Trend.pdf
-https://matchazuki.com/
-http://www.ichitandrink.com/shizuoka/detail-ichibancha.php
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.