วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะมาเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จและแคมเปญการตลาด “ออร่า.. ในแบบที่เป็นคุณ” ของ Plantnery แบรนด์สกินแคร์จากธรรมชาติ
Plantnery x ลงทุนเกิร์ล

ในยุคที่นิยามความสวย “ไร้กฎเกณฑ์” ทุกคนสามารถดูดีได้ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง

ดังนั้น เมื่อ Plantnery แบรนด์สกินแคร์จากธรรมชาติ คิดจะบุกตลาด Brightening
จึงเลือกที่จะส่งแคมเปญการตลาด “ออร่า.. ในแบบที่เป็นคุณ”

แถมยังฉีกกรอบการเลือกพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ความงามส่วนใหญ่
ด้วยการเลือก คุณพลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล นักร้องลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มาเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการสื่อสารกับผู้บริโภค

อะไรคือเบื้องหลังแนวคิด แคมเปญ “ออร่า.. ในแบบที่เป็นคุณ” ?
และทำไมแบรนด์ถึงเลือกคุณพลอยชมพู มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ?

ลงทุนเกิร์ลจะพาไปหาคำตอบจากคุณชยธร เมฆทันต์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพาณิชย์ บริษัท ทีเอที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Plantnery

ก่อนจะเฉลยคำตอบ คุณชยธร เล่าให้ฟังถึงที่มาของการเจาะตลาด Brightening อย่างน่าสนใจว่า

มูลค่าตลาด Facial Skincare ในประเทศไทย มีมูลค่ารวมหลักหมื่นล้านบาท
โดยมีเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุด คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Brightening ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เทรนด์ผู้บริโภค ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ ก็มีความต้องการที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Plantnery ที่นำเสนอสารสกัดจากธรรมชาติ
รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีนวัตกรรมที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภค

ล่าสุด ทางแบรนด์ได้มีการปรับสูตรใหม่ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม Brightening อย่าง Plantnery Vit C Orange & Lemon Bright Complex Intense Serum ให้มีนวัตกรรม ที่สกัดวิตามินซีเข้มข้น 100x มาจากธรรมชาติ 6 ชนิด เพื่อช่วยจัดการผิวเสีย บอกลาผิวหมองคล้ำ บูสผิวใส อัพผิวสวยให้ทุกคน

โดยมองว่า นี่คือโอกาสสำคัญในการเจาะตลาด Brightening
อย่างไรก็ตาม โอกาสของตลาดที่ใหญ่ขึ้น ก็มาพร้อมความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น

มูลค่าตลาดและความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เล่นหลักและผู้เล่นหน้าใหม่ลงมาแข่งขันเป็นจำนวนมาก
รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

“2 ปัจจัยนี้ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด ดังนั้นกลยุทธ์หลักของเราต้องก้าวหน้าและนำตลาดไปอีกสเต็ป
เพื่อให้มั่นใจได้ว่า Plantnery สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้
ทั้งเรื่องคุณภาพของสินค้าและราคาที่จับต้องได้ รวมทั้งกลยุทธ์การตลาดที่เจาะเข้าหากลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

จากจุดนี้เอง จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว​แคมเปญทางการตลาด “ออร่า.. ในแบบที่เป็นคุณ”
ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ที่ต้องการสนับสนุนความงามที่แตกต่างกัน
แต่ทุกคนก็สามารถมีออร่า ผิวกระจ่างใสได้ในแบบของตัวเอง

โดยเลือกสื่อสารผ่านพรีเซ็นเตอร์ อย่างคุณพลอยชมพู
ที่ต้องบอกว่า​ เป็นการฉีกกรอบจากแบรนด์สกินแคร์อื่น ๆ
ที่ปกติแล้วภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์ จะต้องห้ามมีรอยสัก ห้ามเจาะจมูก

แต่ในแคมเปญนี้ ทางแบรนด์ตั้งใจให้คุณพลอยชมพู โชว์ความเป็นตัวเองให้มากที่สุด
จึงไม่จำเป็นต้องปกปิดรอยสัก สามารถโชว์จิวจมูก แต่งตัวในแบบที่เป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

“เหตุผลที่เลือกคุณพลอยชมพู เพราะคุณพลอยชมพูยังเป็นไอดอลของกลุ่มคนรุ่นใหม่
ที่มีความเป็นตัวของตัวเองชัดเจน ทั้งเรื่องการแต่งตัวและการใช้ชีวิต
ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมายที่เราจะสื่อสารได้อย่างดี”

ทั้งนี้ คุณชยธร ตั้งเป้าหมายว่า ด้วยกลยุทธ์การตลาด บวกกับคุณภาพของสินค้า ที่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้
จะทำให้สามารถทำยอดขายเฉพาะตลาด Brightening ในปี 2566 ได้ที่หลักร้อยล้านบาท
ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตแบบเท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2565

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ลูกค้าอาจจะคุ้นเคยกับ Plantnery ในฐานะสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาสิว
แต่ถ้าเปรียบเทียบการเติบโตระหว่างตลาดบิวตี้ ในเซกเมนต์ Brightening กับตลาดสินค้าแก้ปัญหาเรื่องสิว
จะพบว่าแม้ปัจจุบันสินค้ากลุ่ม Brightening จะเป็นเซกเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดเนื่องจากเป็นสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคแบบเป็นวงกว้าง
เพราะนอกจากจะตอบโจทย์ทั้งคนที่มีปัญหาหน้าหมองคล้ำ และคนที่มีผิวดีอยู่แล้ว แต่ยังอยากให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น

ยังรวมถึงกลุ่มลูกค้าเดิมของแบรนด์ ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิว จนหมดปัญหา​ และอยากมีผิวใส
ซึ่ง Plantnery มองเห็นช่องว่างตรงนี้ จึงได้เจาะตลาดสินค้า Brightening

“ส่วนตลาดสินค้าแก้ปัญหาเรื่องสิว ซึ่งเป็นตลาดที่เราทำการตลาดอยู่แล้ว
แม้จะมีขนาดตลาดที่เล็กกว่า แต่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเช่นกัน
เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดสิวบนใบหน้าง่ายขึ้น

เช่น เป็นสิว เพราะใส่หน้ากากอนามัย ความเครียดจากการเรียนหรือทำงาน การพักผ่อนไม่เพียงพอ
จึงส่งผลให้ตลาดสินค้าแก้ปัญหาเรื่องสิว ยังมีความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้นในระดับสูงขึ้นทุกปี”

หลายคนอาจจะสงสัยว่า Plantnery แตกต่างจากสกินแคร์แบรนด์อื่น ๆ อย่างไร ?

คุณชยธร บอกว่า จุดแข็งที่ทำให้ Plantnery แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น คือ ผลิตภัณฑ์ของ Plantnery จะใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า ทุกครั้งที่หยิบสินค้าของแบรนด์มาใช้ จะสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและปลอดภัยจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

รวมทั้งมีสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ จึงแก้ปัญหาได้ตามความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าสินค้าในตลาด

สำหรับเทรนด์ความงามในปัจจุบันและในอนาคต คุณชยธร มองว่า ผู้บริโภคจะเน้นสินค้าที่มีส่วนผสมผลิตมาจากธรรมชาติ
เนื่องจากมีความปลอดภัย ทำให้สามารถใช้สินค้าได้อย่างสบายใจ

รวมทั้งยังได้รับอิทธิพลจากกระแส “ความงามในแบบที่เป็นคุณ”
ที่ทำให้ผู้บริโภคสนใจดูแลผิวพรรณในแบบของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น Plantnery จึงตั้งเป้าว่า จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่พร้อมยืนเคียงข้างผู้บริโภค
ผลิตสินค้าตอบโจทย์ทุกความต้องการ

“เรามีแผนจะบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอเพิ่มจากกลุ่ม Brightening และกลุ่มอื่น ๆ ให้เป็น 50:50
จากเดิมที่เป็นกลุ่มสิว 70% และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ 30%
โดยเราตั้งเป้าหมายให้สินค้าแบรนด์ Plantnery เข้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม
เพราะไม่เพียงเน้นการใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ แต่ยังพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการรีไซเคิลให้มากที่สุด

เช่น การให้ความรู้เรื่องการแยกขยะผ่านบรรจุภัณฑ์ ลดการใช้สปริงที่ฝาขวด
เพราะเราคือผู้ส่งมอบความงามจากธรรมชาติ ไปสู่ลูกค้าโดยตรง

ทั้งหมดนี้คือ เบื้องหลังแนวคิดแคมเปญ “ออร่า.. ในแบบที่เป็นคุณ” ของ Plantnery
แบรนด์สกินแคร์จากธรรมชาติ ที่เชื่อว่าความงดงามที่แท้จริง คือ ความงามในแบบธรรมชาติของตัวเราเอง..

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ในปีผ่านมา Plantnery มีรายได้เติบโตมากกว่า 100%
โดยในปี 2565 มีรายได้ 430 ล้านบาท เติบโตจากในปี 2564 ที่มีรายได้รวม 205 ล้านบาท ​

Reference
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณชยธร เมฆทันต์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพาณิชย์ บริษัท ทีเอที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า