ทำไม การคุมกำเนิดที่เหมาะสม ถึงเป็นการวางแผนการลงทุนให้กับชีวิต
Health & Beauty

ทำไม การคุมกำเนิดที่เหมาะสม ถึงเป็นการวางแผนการลงทุนให้กับชีวิต

14 พ.ย. 2023
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เป็นหนึ่งในปัญหาสังคม ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
โดยหนึ่งในแนวทางแก้ไขที่ควรมีมากขึ้น คือการให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ถูกวิธี
เพื่อลดปัญหาท้องไม่พร้อม ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาอื่น ๆ ตามมาในอนาคต
ซึ่งการรู้จักเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมนั้น ก็เหมือนเป็นการวางแผนการลงทุนกับชีวิตให้มั่นคง และบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ เพราะลองนึกดูว่า ถ้าหากมีลูกเมื่อยังไม่พร้อม จะเจอปัญหาใดตามมาบ้าง
ดังนั้น การเลือกวิธีการคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตนเอง จึงมีความสำคัญมาก เพราะหากไปเจอผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์
เช่น ฮอร์โมนเสียสมดุล น้ำหนักเพิ่ม บวมน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดไมเกรน ประจำเดือนกะปริบกะปรอย ก็อาจทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องของการใช้ จนกระทั่งพลาดท้องตามมา
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รายงานตัวเลขของอัตราเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทย ดังนี้
- อัตราเด็กเกิดใหม่จากคุณแม่ ที่มีอายุระหว่าง 10-14 ปี จำนวน 1,640 คน
- อัตราเด็กเกิดใหม่จากคุณแม่ ที่มีอายุระหว่าง 15-19 ปี จำนวน 47,378 คน
ตัวเลขนี้ ถือว่าไม่ใช่ตัวเลขจำนวนน้อย ๆ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร คือหนึ่งในปัญหาที่น่ากังวลไม่แพ้กับเรื่องอื่น
ต้องบอกว่า ในประเทศไทย ปัญหาท้องไม่พร้อม เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
โดยสาเหตุหลัก ๆ เกิดจากที่คนไทยยังมองว่า การคุมกำเนิดเป็นเรื่องน่าอาย ทำให้หลาย ๆ คนไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้
อีกทั้งหลักสูตรการศึกษาของไทย ยังพูดถึงเรื่องการคุมกำเนิดแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ทำให้ผู้หญิงหลายคน ไม่ได้รับความรู้เรื่องการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง
เนื่องในวันคุมกำเนิดโลกที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันที่ 26 กันยายนของทุกปี เป็นการจุดประเด็นให้เราเล็งเห็นถึงความสำคัญ ว่าผู้หญิงทุกคนควรได้รับรู้ทางเลือกในการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับตัวเอง เนื่องจากร่างกายของผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดปัญหาท้องไม่พร้อม และลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง
เราจึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนเข้าไปปรึกษากับเภสัชกร เพื่อประเมินว่าการคุมกำเนิดแบบไหน ที่เหมาะกับเราที่สุด
ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสพูดคุยกับ ภกญ.ศิวพร ปีเจริญทรัพย์ เภสัชกรดีเด่นประจำปี 2566 สาขาเภสัชกรชุมชน ถึงหลักการในการเลือกยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตัวเอง
ซึ่งขั้นแรก ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มประเมินจากภาวะของร่างกาย โดยเริ่มจากการถามน้ำหนักและส่วนสูง เพื่อคำนวณดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) และเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจ
โดยวิธีคำนวณคือ ใช้น้ำหนักหน่วยกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูง หน่วยเป็นเมตรยกกำลังสอง [BMI = น้ำหนัก (กก.) / ส่วนสูง (ม)] เช่น น้ำหนัก 55 กิโลกรัม ส่วนสูง 1.65 เมตร ก็จะคำนวณ BMI ได้ = 55/(1.65x1.65) = 20.2 เป็นต้น
ขั้นที่สอง คือ การประเมินตัวเลขที่สำคัญอีกอย่าง ก็คือ อายุ เช่น วัยรุ่น (อายุต่ำกว่า 19 ปี) วัยทำงาน (อายุ 19-40 ปี) และวัยผู้ใหญ่ (อายุ 40 ปีขึ้นไป)
เพราะช่วงอายุที่ต่างกัน ทำให้มีพฤติกรรม ภาวะทางสุขภาพ และระดับฮอร์โมนที่แตกต่างกัน
ขั้นที่สาม คือโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิด มีทั้งชนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนรวม
เภสัชกรจะได้คัดกรองโรค และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
เพราะผู้หญิงที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง อาจไม่เหมาะกับยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนอีสโทรเจน เช่น โรคไมเกรน, โรคตับ, โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง เป็นต้น
เรื่องสุดท้าย คือ เรื่องไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการส่วนบุคคล
ซึ่งผู้หญิงแต่ละคนก็มีความต้องการแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร, ความกังวลเรื่องน้ำหนักตัว หรือเรื่องสิว ผิวมัน เป็นต้น
ดังนั้น ยาคุมกำเนิดจึงถูกพัฒนาขึ้นมาหลายสูตร เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้หญิงแต่ละคนนั่นเอง
ส่วนเรื่องที่ผู้หญิงกังวลมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในการเริ่มยาคุมแผงแรก ก็คือเรื่องน้ำหนักตัว เพราะบางคนกลัวอ้วน กลัวบวมน้ำ
ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่ายาเม็ดคุมกำเนิดทุกชนิด จะทำให้เกิดผลข้างเคียงแบบเดียวกันทุกคน เพราะอาจเกิดกับยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิด และบางคนเท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่ ก็มักจะเกิดจากการที่ร่างกายเกิดฮอร์โมนเสียสมดุลและมีการคั่งของน้ำ
อีกทั้งปัจจุบัน ยาคุมกำเนิดรุ่นใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้น ก็มีการปรับระดับของฮอร์โมนให้สมดุลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลข้างเคียงเรื่องของน้ำหนักตัว และการคั่งของน้ำในร่างกายได้
สำหรับใครที่อยากรู้ว่า “จริง ๆ แล้วตัวฉันเหมาะสมกับการคุมกำเนิดแบบไหน ?” ก็สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยาได้
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.