“Olive Wagyu” เนื้อวากิวชั้นเลิศ ที่ขึ้นชื่อว่า หายากที่สุดในโลก /โดย ลงทุนเกิร์ล

ในโลกของคนรักเนื้อ คำว่า “Wagyu” คงไม่ใช่คำแปลกหู เพราะวากิว เป็นเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม ละลายในปาก และมีลายหินอ่อน (Marbling) สวยงาม

แต่ถ้าพูดถึง Olive Wagyu หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก เพราะเนื้อวากิวชนิดนี้ขึ้นชื่อว่าหายากที่สุดในโลก

สำหรับในไทย หรือแม้แต่ในโตเกียว ก็ยังหาร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนู Olive Wagyu ได้น้อยมาก

เรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

Olive Wagyu หรือ โอลีฟวากิว มีต้นกำเนิดมาจากเกาะโชโดชิมะ ในจังหวัดคางาวะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเกาะแห่งนี้ได้รับฉายาว่า “เกาะมะกอก” โดยเป็นแหล่งปลูกมะกอกเก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

นอกจากนั้น จังหวัดคางาวะยังมีเนื้อโคขุนคุณภาพเยี่ยม ที่ถูกยอมรับมากมายในชื่อ “ซานุกิวากิว”

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท้องถิ่นอย่างคุณ Masaki Ishii กลับพบว่า แม้ซานุกิวากิวของเขาจะมีคุณภาพเกรดเดียวกันกับเนื้อโกเบ หรือเนื้อวากิวที่ได้จากวัวที่ถูกเลี้ยงในโกเบ จังหวัดเฮียวโกะ

แต่กลับขายได้ราคาต่ำกว่าถึง 1,000 เยนต่อกิโลกรัม เนื่องจากมูลค่าทางการตลาดที่ต่างกัน

ดังนั้นคุณ Masaki Ishii จึงพยายามสร้างจุดแข็งที่เนื้อวัวแบรนด์อื่นไม่มี บวกกับความเชื่อแบบญี่ปุ่นที่ว่าไม่ควรปล่อยให้สิ่งใดสูญเปล่า

เขาจึงเกิดไอเดียนำกากมะกอกที่เหลือทิ้งจำนวนมากจากกระบวนการสกัดน้ำมัน มาใช้เป็นอาหารให้กับวัว

แต่เขากลับต้องผิดหวังเพราะวัวไม่ถูกใจเนื้อสัมผัสและรสชาติขมฝาดของมะกอก จึงไม่ยอมกิน

หลังจากลองผิดลองถูกสักพัก คุณ Masaki Ishii ก็ค้นพบว่าวิธีการนำกากมะกอกไปตากแห้งและคั่วเบา ๆ ช่วยดึงรสหวานออกมาจากมะกอก แล้วนำไปบดเป็นผง ทำให้วัวกินได้ง่ายขึ้น

แล้วทำไม Olive Wagyu ถึงกลายเป็นเนื้อชั้นเลิศที่ขึ้นชื่อว่าหายาก ?

อันดับแรก คือ “รสชาติเป็นเอกลักษณ์”

Olive Wagyu ขึ้นชื่อว่ามีรสชาติอูมามิเข้มข้นกว่าเนื้อวากิวทั่วไปถึง 1.5 เท่า และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายคาราเมลอ่อน ๆ ซึ่งมาจากน้ำตาลธรรมชาติในกากมะกอกที่วัวกินเข้าไป

อันดับต่อมา คือ “ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ”

กากมะกอกอุดมไปด้วย กรดโอเลอิก และสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อวัวกินเข้าไป สารอาหารเหล่านี้จะถูกสะสมอยู่ในไขมันของเนื้อ

ทำให้ไขมันที่แทรกอยู่ใน Olive Wagyu ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังไม่เลี่ยนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าไขมันทั่วไปอีกด้วย

รวมถึง “ลายหินอ่อนที่โดดเด่น”

Olive Wagyu ยังคงรักษาลักษณะเด่นของเนื้อวากิวชั้นเลิศ ด้วยลายไขมันแทรกซึมราวกับหินอ่อน ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพและความนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อ

ถึงขั้นคว้ารางวัลเนื้อคุณภาพไขมันดีที่สุด ในการแข่งขันวากิวโอลิมปิกในปี 2017 เอาชนะคู่แข่งอีก 182 สายพันธุ์

อย่างสุดท้าย คือ “ปริมาณผลิตน้อยมาก”

Olive Wagyu มีจำหน่ายเฉพาะในจังหวัดคางาวะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีวัวที่เลี้ยงด้วยวิธีนี้ประมาณ 1,700 ตัว และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกนำไปบริโภคในแต่ละปี

ทำให้ปริมาณเนื้อที่ออกสู่ตลาดมีจำกัด และการส่งออกไปยังต่างประเทศก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด

สำหรับราคาของ Olive Wagyu ก็ถือว่ามีราคาสูงมาก
ยกตัวอย่างจากผู้ขายออนไลน์ต่างประเทศ เช่น Crowd Cow ในสหรัฐอเมริกา

A5 Olive Wagyu Ribeye Steak ขนาดประมาณ 340 กรัม มีราคาราว 7,600 บาทA5 Olive Wagyu Striploin Steak ขนาดประมาณ 400 กรัม มีราคาราว 8,200 บาท

จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นว่า Olive Wagyu ไม่ใช่แค่เนื้อวัว

แต่มันคือผลลัพธ์ของความมุ่งมั่น และนวัตกรรมของเกษตรกรญี่ปุ่น ทำให้เนื้อชนิดนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นที่ต้องการของนักชิมทั่วโลก..

References :
-https://olivefedwagyu.jp/exported/about.php
-https://www.japantimes.co.jp/life/2021/04/03/food/shodoshima-olive-wagyu-beef/
-https://www.forbes.com/sites/christinaliao/2018/04/15/olive-wagyu-the-worlds-rarest-steak-is-being-sold-in-the-u-s-for-the-first-time/
-https://www.odditycentral.com/foods/olive-wagyu-the-worlds-rarest-type-of-steak.html
-https://kasai-hd.jp/stories/126