รู้จัก Zipevent ผู้วางระบบให้งานอิเวนต์ลื่น แบบไม่มีสะดุด /โดย ลงทุนเกิร์ล

หลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากโควิด 19 หนึ่งในธุรกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวตามมาด้วย ก็คือ “งานอิเวนต์”

วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณโศลญา ตันฑ์มานะธรรม CMO และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipevent สตาร์ตอัปผู้พัฒนาเทคโนโลยีระบบลงทะเบียน ที่อยู่เบื้องหลังงานอิเวนต์ใหญ่ ๆ

อย่างเช่น งานอิเวนต์สำคัญของ OR อย่าง Inclusive Growth Days
หรือจะเป็นงานสเกลข้ามประเทศ อย่าง Enlit Asia, Techsauce, และ KAZZ Awards 2022 ที่ถ่ายทอดสดทั่วเอเชีย
รวมทั้ง ระบบการลงทะเบียน “ประชันวงดุริยางค์กรุงเทพ-โคราช” ของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการ กทม. คนปัจจุบัน อีกด้วย

ที่น่าสนใจ ก็คือ แม้ในช่วงวิกฤติโรคระบาด แต่รายได้ของบริษัท ก็เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 80%

แล้ว ธุรกิจของ Zipevent น่าสนใจอย่างไร ?
และ Zipevent ทำอย่างไร ให้รายได้เติบโตในช่วงโควิด 19 ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง

หลายคนอาจเข้าใจว่า Zipevent คือ ออร์กาไนเซอร์ผู้จัดงาน หรือ เจ้าของงานอิเวนต์

แต่จริง ๆ แล้ว Zipevent คือ ตัวกลางที่เชื่อมระหว่าง “ผู้จัดงาน” และ “ผู้เข้าชมงาน”
โดยการพัฒนาเทคโนโลยี และระบบ มาช่วยให้งานอิเวนต์ผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น เช่น

-ระบบลงทะเบียน และขายบัตร
-ระบบเก็บข้อมูลผู้ร่วมงาน และรวบรวมพฤติกรรมของผู้ร่วมงาน
-เทคโนโลยี และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ภายในงาน ทั้งรูปแบบ “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์”

หากใครยังนึกภาพไม่ออก
เราอยากให้ลองนึกถึง งานอิเวนต์ออฟไลน์ แต่มีการขายบัตรทางออนไลน์
และในวันงาน เราก็จะต้องนำตั๋วดิจิทัล ไปสแกนที่หน้างาน

หรือจะเป็น งานอิเวนต์ แบบไลฟ์สตรีมมิง
ที่สามารถดำเนินงานได้แบบเรียลไทม์
โดยที่ระบบไม่ล่ม ภาพและเสียงคมชัด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ผลงานที่ Zipevent เป็นผู้อำนวยความสะดวกใน “ระบบหลังบ้าน” ให้ออกมาอย่างเรียบร้อยไม่มีสะดุด

โดยจุดเด่นของ Zipevent ก็คือระบบ “การเก็บข้อมูล” ที่มีประสิทธิภาพ และ “เซิร์ฟเวอร์” ที่สามารถรองรับผู้ชมได้จำนวนมากถึง “หลักแสนคน”

ดังนั้น กลุ่มลูกค้าหลักของ Zipevent จึงเป็นธุรกิจอิเวนต์ขนาดใหญ่ เช่น งานสัมมนา, นิทรรศการ และงานจัดแสดงสินค้า ที่มีคนเข้าร่วมจากหลายประเทศ และต้องการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มความถูกต้องและรวดเร็ว

ซึ่งความแข็งแกร่งในการสร้างระบบหลังบ้านนี่เอง ที่ทำให้ Zipevent เอาตัวรอดจากวิกฤติโรคระบาดได้
โดยหากเราดูจากผลประกอบการของ บริษัท ซิปอีเว้นท์ จำกัด จะพบว่า

ปี 2562 รายได้ 19.1 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 19.3 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 35.4 ล้านบาท

จากตัวเลขด้านบน จะเห็นว่า
แม้ในปี 2563 ที่เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดรุนแรง
จนทำให้หลาย ๆ ธุรกิจอิเวนต์ ต้องกุมขมับ
แต่ Zipevent กลับยังคงมีรายได้คงที่จากปีก่อนหน้า

และหลังจากนั้น เพียงแค่ 1 ปี
รายได้ของบริษัทก็กลับมาเติบโต เกือบเท่าตัว

ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็เป็นเพราะ Zipevent สามารถปรับตัวเข้าสู่ช่องทาง “ออนไลน์” ได้อย่างรวดเร็ว

เพราะอย่างที่กล่าวไปว่า Zipevent มีการให้บริการระบบที่รองรับอิเวนต์ในรูปแบบ “ออนไลน์” อยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วงแรกจะได้รับความสนใจ แค่เฉพาะในกลุ่มอิเวนต์ประเภทออฟไลน์ ซึ่งตอนนั้นยังมีจำนวนไม่มากนัก

จนกระทั่งการระบาดของโควิด 19 เป็นตัวเร่งให้หลาย ๆ ธุรกิจ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ต่างก็หันมาให้ความสนใจกับงานอิเวนต์ออนไลน์มากขึ้นเป็นเท่าตัว

ดังนั้น วิกฤติในครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนโอกาสให้หลาย ๆ ธุรกิจ เปลี่ยนมาลองใช้ระบบของ Zipevent มากขึ้น และทำให้ Zipevent ได้ออกบริการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรูปแบบงานที่หลากหลายมากขึ้นในฝั่งออนไลน์

1.บริการอิเวนต์ “ออนไลน์” และ “อิเวนต์เสมือนจริง"

จริง ๆ การจัดงานอิเวนต์ออนไลน์ มีอยู่ทั้งหมด 2 แบบ

แบบที่ 1 คือ “เปิดสาธารณะ” ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และเน้นคนดูจำนวนมาก
และแบบที่ 2 คือ การจัดงาน “ส่วนตัว” ที่จำกัดสิทธิ์ในการดู และต้องซื้อบัตรเข้าชม รวมถึงระบบยังสามารถเก็บข้อมูลของผู้ที่มาร่วมงานได้ และมีฟีเชอร์ที่ช่วยให้ผู้ชมและเจ้าของงาน สามารถโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ เช่น สุ่มจับรางวัล และ เปิดโหวต

2.บริการอิเวนต์ “เสมือนจริง” (Virtual Event)

ที่จำลองพื้นที่การออกบูท, เก็บข้อมูลของคนเข้าชมบูท และมีกิจกรรมที่เหมือนกับการจัดงานอิเวนต์ในสถานที่จริง เพียงแต่ย้ายมาจัดบนโลกออนไลน์

ซึ่งมีการเพิ่มฟีเชอร์ที่พิเศษ อย่าง “Business Matching” หรือการจับคู่สนทนาธุรกิจทางออนไลน์ ที่สามารถเลือกวัน-เวลากับคู่เจรจาได้ เพื่อจัดตารางที่เหมาะสมและแม่นยำ

ตอบโจทย์ลูกค้าที่จัดงานอิเวนต์ขนาดใหญ่ อย่าง งานแสดงสินค้า, งานสัมมนา และงาน Expo อย่างมาก ที่ช่วยทั้งประหยัด และเข้าถึงลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก

3.แฟนมีตติงออนไลน์ (Fan Meeting) หรืองานพบปะระหว่างศิลปินและแฟนคลับ

งานนี้ก็ได้อานิสงส์มาจาก กระแส “นักแสดงซีรีส์วาย” ในไทย ที่กำลังมาแรงในขณะนั้น บวกกับรูปแบบงานออนไลน์ จึงทำให้แฟนคลับจากต่างประเทศเข้ามารับชมมากมาย

ซึ่งความท้าทายของงานแฟนมีตติงออนไลน์ ก็คือ “เซิร์ฟเวอร์”

ที่หากมีระบบไม่แข็งแรง หรือใหญ่เพียงพอต่อจำนวนคน ก็มีสิทธิ์ที่จะติดขัดและล่มได้ โดยเฉพาะแฟนคลับชาวจีน ที่มีระบบการคัดกรองและปิดกั้นเซิร์ฟเวอร์จากนอกประเทศ

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Zipevent เพราะนอกจากบริษัทจะมีเซิร์ฟเวอร์ ที่สามารถขยายได้แบบอัตโนมัติ เพื่อรองรับยอดผู้ชมตั้งแต่หลักแสน ไปจนถึงหลักล้านคน และเข้าถึงผู้ชมได้จากทั่วโลก

รวมถึงในตลาดจีน ที่ทาง Zipevent ก็เป็นพาร์ตเนอร์กับทั้ง Huawei และ Alibaba

เรียกได้ว่า Zipevent ได้พลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส ในการขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติ และเข้าถึงในภาคธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่เคยโคจรไปพบ

แม้ปัจจุบัน งานอิเวนต์ออฟไลน์จะกำลังฟื้นตัว และผ่อนคลายมาตรการลงบ้าง

แต่เพื่อการป้องกันที่รัดกุม Zipevent จึงมีการพัฒนาระบบ, อุปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ช่วยลดการสัมผัสระหว่างตัวบุคคลให้ได้มากที่สุด

เช่น “ตู้คีอ็อสก์” ที่ปกติจะตั้งอยู่ในงาน เพื่อใช้ลงทะเบียนหรือเช็กตั๋วเข้างาน ก็ได้เพิ่มฟีเชอร์ให้สามารถสแกนใบหน้า เพื่อลดการสัมผัส หรือการซื้อบัตรและชำระเงินที่ตู้คีอ็อสก์ ได้ทันที

การวางระบบเช็กอินใน “แท็บเล็ต” ที่ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย และสามารถนำไปกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อลดความแออัด

และยังมีกล้องตรวจนับจำนวนคนเข้าออก ตรวจจับความหนาแน่นภายในงาน หรือแม้แต่การเว้นระยะห่างของแต่ละคน ให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัย

เมื่อไม่นานมานี้ทาง Zipevent ยังได้เปิดตัว อีก 2 บริการใหม่ คือ

-“Venue Booking” หรือ ระบบจองสถานที่ ซึ่งเป็นเหมือนตัวกลางเชื่อมระหว่างคนจัดงาน และเจ้าของสถานที่ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดยจะนำร่องจากพื้นที่สาธารณะทั่วกรุงเทพฯ
จากเดิมที่อาจจะต้องไปประสานงานขอใช้พื้นที่กับทาง กทม. จากนี้ สามารถ “ค้นหา” และขอ “ทำการจอง” ผ่านระบบ Zipevent ได้ทันที
-“NFT Ticketing” หรือ บัตรเข้าชมอิเวนต์แบบดิจิทัล ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยให้การสะสมและซื้อขายเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย ลดปัญหาตั๋วปลอม, ตั๋วผี, หรือคนขายโก่งราคา

ที่น่าสนใจ คือ ในอนาคต ทาง Zipevent จะขยายบริการให้ครอบคลุมไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามฟุตบอล, สนามมวย, พิพิธภัณฑ์, สวนสัตว์ และสวนสนุก

อ่านมาถึงตรงนี้ Zipevent ก็ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ “ที่เกิดก่อนกาล”
เพราะหาก มองย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
ตอนนั้น คงมีคนตั้งคำถามมากมายว่า
ลูกค้าจะยอมเปลี่ยนมาใช้ระบบพวกนี้ไหม ?
หรือทำไม ลูกค้าต้องมาเสียเวลาเรียนรู้วิธีใช้งานอะไรใหม่ ๆ ในเมื่อรูปแบบเดิม คนก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว ?

ซึ่งถ้าหากในวันนั้น Zipevent เลือกที่จะทำตามวิธีการแบบเดิม ๆ
พวกเขา ก็อาจจะพลาดจังหวะ ที่จะได้อยู่ในช่วง ถูกที่ถูกเวลา แบบในตอนนี้นั่นเอง..

Reference:
-สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณโศลญา ตันฑ์มานะธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipevent