Want Want นมกระป๋องแดง จากไต้หวัน มูลค่า 200,000 ล้าน
Business

Want Want นมกระป๋องแดง จากไต้หวัน มูลค่า 200,000 ล้าน

5 ม.ค. 2023
Want Want นมกระป๋องแดง จากไต้หวัน มูลค่า 200,000 ล้าน /โดย ลงทุนเกิร์ล
เชื่อว่าหลายคน ที่เคยไปไต้หวัน คงจะต้องเคยเห็นลูกอมนม หรือนมกระป๋องสีแดง ที่มีโลโกรูปเด็กผู้ชายแก้มแดง และสวมเอี๊ยมสีน้ำเงิน ผ่านตากันมาบ้าง
โดยไอเทมดังกล่าว เป็นผลิตภัณฑ์ของ Want Want หรือแบรนด์ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ในไต้หวัน
ซึ่งนอกจากชาวไต้หวันแทบทุกครัวเรือน จะรู้จักกันดีแล้ว
Want Want ยังได้แผ่ขยายความนิยม ไปไกลถึงในจีนแผ่นดินใหญ่
โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี บริษัทก็สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ
ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ Want Want ยังเป็นแบรนด์ขนมไหว้เจ้า ยอดฮิตของชาวไต้หวันอีกด้วย
แล้วจุดเริ่มต้น Want Want เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
และทำไม Want Want ถึงกลายมาเป็นไอเทมขนมไหว้เจ้าของชาวไต้หวัน ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..
Want Want ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว
โดยในตอนนั้น มีชื่อเดิมว่า “I Lan Foods Industrial” ซึ่งทำธุรกิจผลิตอาหารกระป๋อง
จนในปี 1983 ช่วงเปลี่ยนผ่านธุรกิจให้ทายาทรุ่นถัดไป อย่างคุณ Tsai Eng-Meng เขาก็ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างให้ Want Want
โดยสิ่งแรกที่เขาปรับเปลี่ยน คือ ชื่อบริษัทจาก I Lan Foods Industrial สู่ Want Want (อ่านว่า ว้อน-ว้อน) เพราะต้องการปรับภาพลักษณ์ให้ดูสากล รวมถึงเอื้อต่อการออกเสียงให้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่ไม่ถนัดออกเสียงในภาษาจีน
เนื่องจากคำว่า Want Want แท้จริงแล้วมาจากคำว่า “旺旺” ที่ในภาษาจีนจะออกเสียงว่า วั่ง-วั่ง ซึ่งหมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภ
นอกจากนี้ คุณ Tsai ยังได้เปลี่ยนธุรกิจมาสู่ ขนมขบเคี้ยวแบบเต็มตัว เนื่องจากธุรกิจเดิมเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว ดังนั้น เขาจึงมองหาสิ่งใหม่ ๆ มาทดแทน
โดยสินค้าชิ้นแรก ที่คุณ Tsai เลือกนำเสนอในนาม Want Want คือ ข้าวเกรียบที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า แทนการใช้แป้งสาลี ในแบบที่ชาวไต้หวันคุ้นเคย
ซึ่งที่มาของเรื่องนี้ มาจากคุณ Tsai ได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่น และมีโอกาสลองชิมข้าวเกรียบของ Iwatsuka แบรนด์ข้าวเกรียบเก่าแก่ ที่ใช้แป้งข้าวเจ้าเป็นวัตถุดิบหลัก ผลปรากฏว่ารสชาติดีและอร่อยถูกใจคุณ Tsai เป็นอย่างมาก
จึงทำให้เขาผุดไอเดีย อยากทำข้าวเกรียบนี้ขึ้นมาบ้าง โดยคุณ Tsai ตัดสินใจติดต่อบริษัท Iwatsuka เพื่อขอเรียนรู้วิชาการทำข้าวเกรียบทันที ซึ่งเขาต้องใช้เวลาและความพยายามถึง 2 ปีครึ่ง กว่าที่ทาง Iwatsuka จะตอบตกลงสอนให้
และแน่นอนว่าความตั้งใจครั้งนี้ ไม่ได้สูญเปล่า เพราะหลังจากข้าวเกรียบเริ่มวางขาย ก็ได้รับความนิยมและเป็นที่ถูกปากชาวไต้หวันในทันที จนชื่อของ Want Want เริ่มกลายเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น
มากไปกว่านั้น Want Want ยังปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้า ให้เหมาะแก่การนำไปไหว้เจ้า หรือไหว้บรรพบุรุษ ด้วยการอาศัย Faith Marketing หรือตลาดความเชื่อและความศรัทธา
เพราะตามความเชื่อของคนเชื้อสายจีน จะนิยมนำสิ่งของที่มีความหมายมงคล มาไหว้ขอพรเทพเจ้าตาม เทศกาลตรุษจีน หรือไหว้ขอพรบรรพบุรุษ
และด้วยชื่อแบรนด์ที่มีความหมายเป็นมงคล จึงทำให้สินค้าของ Want Want ได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย
นอกจากนี้ Want Want ยังใช้ “น้องว่างไจ๋” เด็กชายแก้มแดง สวมเอี๊ยมสีน้ำเงิน มาเป็นแมสคอตประจำแบรนด์ จนเกิดเป็นภาพจำที่ใครเห็นแล้ว ก็รู้ทันทีว่า นี่คือสินค้าของ Want Want
และเมื่อ Want Want เริ่มกลายเป็นที่นิยมจนเข้ามานั่งในใจชาวไต้หวันได้แล้ว ในปี 1992 Want Want จึงได้ตัดสินใจขยายธุรกิจ ไปยังตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
อย่างไรก็ตาม ด้วยวัฒนธรรมการกินและรสชาติอาหารที่คล้ายกัน ระหว่างจีนและไต้หวัน จึงทำให้ข้าวเกรียบของ Want Want เป็นที่ถูกปากชาวจีนเช่นกัน และความอร่อยก็ได้ถูกบอกต่อกันไป แบบปากต่อปาก
จนความนิยมของ Want Want ในจีนค่อย ๆ เติบโตขึ้น สะท้อนจากการเริ่มขยายโรงงานการผลิต พร้อมกับแตกไลน์สินค้าให้หลากหลายมากขึ้น ทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่มแช่แข็ง ไปจนถึงขนมขบเคี้ยวอื่น เช่น ทอฟฟี่นม และเจลลี เป็นต้น
โดยหลังจาก Want Want เข้ามาทำตลาดในจีนได้เพียง 4 ปี บริษัทก็เติบโต และสามารถจดทะเบียน เข้าตลาดหุ้นในสิงคโปร์ได้สำเร็จ
แต่ในเวลาต่อมา Want Want ก็ได้ย้ายบริษัทมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง กระจายการลงทุน และขยายกิจการไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น โรงพยาบาล โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์
สำหรับในไทยเอง Want Want ได้เข้ามาตีตลาดตั้งแต่ปี 2020 โดยคนไทยอาจรู้จัก หรือคุ้นเคยกับแบรนด์นี้กันมาบ้าง ผ่านนมกระป๋องแดงในตำนานอย่าง “นมหวังจือ” ที่มีรสชาหวานติอร่อย กลิ่นหอมละมุน ซึ่งใครที่ได้ลองแล้วต่างก็ติดใจไปตาม ๆ กัน
แล้วที่ผ่านมา ผลประกอบการในธุรกิจขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มของ Want Want เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2019 รายได้ 99,868 ล้านบาท กำไร 18,069 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 109,330 ล้านบาท กำไร 20,431 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 119,203 ล้านบาท กำไร 20,830 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ Want Want เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3% และกำไรเติบโตเฉลี่ย 7.4%
สำหรับในปัจจุบันบริษัท Want Want มีมูลค่ากว่า 266,900 ล้านบาท พร้อมครองส่วนแบ่ง 2 ใน 3 ของตลาดขนมขบเคี้ยวไต้หวัน และยังขยายตลาดไปไกลกว่า 63 ประเทศทั่วโลก
อ่านมาถึงตรงนี้ ถือได้ว่าความสำเร็จของ Want Want คือ การมองหาโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจเดิม เมื่อรู้ว่ากำลังเดินมาถึงจุดที่อิ่มตัวแล้ว พร้อมกับสร้างจุดแข็งให้ธุรกิจด้วยการสร้างสินค้าให้แตกต่าง
พยายามพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค และเมื่อมีกระแสเงินสดมากพอ ก็เลือกที่จะลงทุนในกิจการใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากอุตสาหกรรมเดิม
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
นอกจากคุณ Tsai Eng-Meng จะเป็นผู้ที่เปลี่ยนให้ Want Want กลายเป็นเจ้าตลาดขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของไต้หวันแล้ว เขายังเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 4 ของไต้หวันอีกด้วย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 245,590 ล้านบาทเลยทีเดียว..
----------------------------------------------------------------
(ad)กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป (TANACHIRA) เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศได้แก่ Pandora (แพนดอร่า), Marimekko (มารีเมกโกะ), Cath Kidston (แคท คิดสตัน) และเจ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวพรรณ สปาแบบองค์รวมรายแรกในไทยภายใต้แบรนด์ HARNN (หาญ), VUUDH (วุฒิ), HARNN Heritage Spa (หาญ เฮอริเทจสปา) และ SCape by HARNN (เอสเคป บาย หาญ) มีสาขาอยู่ทั่วประเทศและในภูมิภาคกว่า 165 สาขา ภายใต้แนวคิด “Bring the Best of the Brand to the Best of Thailand”
https://www.facebook.com/TANACHIRA-GROUP-174055739828807/
#TANACHIRA
----------------------------------------------------------------
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.