รู้จัก SHU แบรนด์รองเท้า 200 ล้าน ที่เริ่มจากเงินทุน 0 บาท
FashionInspirationBusiness

รู้จัก SHU แบรนด์รองเท้า 200 ล้าน ที่เริ่มจากเงินทุน 0 บาท

10 ธ.ค. 2020
รู้จัก SHU แบรนด์รองเท้า 200 ล้าน ที่เริ่มจากเงินทุน 0 บาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
สำหรับในทุกวันนี้ เราคงเคยเห็นแบรนด์เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า 
ที่ประสบความสำเร็จจนนับไม่ถ้วน โดยอาศัยประโยชน์จากโลกออนไลน์
แต่ถ้าเราลองนึกย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน ตอนที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย
เราจะเริ่มสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้อย่างไร

เรามาทำความรู้จักกับ SHU แบรนด์รองเท้าสัญชาติไทย ที่ก่อตั้งมานานกว่า 20 ปี
และยังมีรายได้ที่เติบโตขึ้นทุกปี

เรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจ ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ

แบรนด์ SHU ก่อตั้งโดยคุณกรกนก สว่างรวมโชค หรือคุณป้อ

จุดเริ่มต้นของในการทำธุรกิจของคุณป้อ เกิดขึ้นในปี 2543 
พร้อมกับเงินทุนทั้งหมด 0 บาท

ในช่วงแรกที่ทำธุรกิจคุณป้อ ยังเป็นเพียงนักศึกษา
และต้องการหารายได้เสริม เพราะฐานะของที่บ้านไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

คุณป้อจึงเริ่มออกแบบกระเป๋า และหาโรงงานที่ยอมผลิตสินค้าในปริมาณน้อยๆ
พร้อมทำสินค้าตัวอย่างให้ดูก่อน เพื่อที่เธอจะนำไปเสนอให้ลูกค้าดู

ซึ่งการตามหาโรงงานที่จะรับผลิตให้เธอได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากมากๆ
เพราะไม่มีใครยอมรับออเดอร์เล็กๆ 
แถมยังต้องผลิตสินค้าตัวอย่างให้ก่อนโดยที่ไม่รู้จะได้ผลิตจริงหรือไม่

ที่สำคัญการจะหาเบอร์ติดต่อโรงงานในสมัยนั้น ก็ไม่ใช่เพียงแค่การเสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ต
แต่ต้องนั่งไล่เปิดเอาจากสมุดปกเหลือง

อย่างไรก็ตามในที่สุดความพยายามของเธอก็สัมฤทธิ์ผล
คุณป้อได้พบโรงงานที่ยอมผลิตกระเป๋า และรับเงื่อนไขของเธอ

หลังจากนั้น เธอก็เอากระเป๋าที่โรงงานผลิตมาเป็นตัวอย่างไปให้ลูกค้าชม
พอลูกค้าสั่งซื้อ และจ่ายเงินเรียบร้อย 
เธอจึงค่อยส่ังโรงงานผลิต และจ่ายเงินให้โรงงาน

ต่อมาเธอก็เริ่มขยับขยายกิจการ และแบรนด์รองเท้าก็ได้เกิดขึ้น

โดยคุณป้อนำเงินที่ได้จากการขายกระเป๋าเกือบทั้งหมด 
มาเปิดร้านขายรองเท้าชื่อ Sexy de Cute ที่สยามสแควร์

ช่วงนั้น ถือเป็นจุดที่ร้าน Sexy de Cute ประสบความสำเร็จอย่างมาก
และยังสามารถขยายสาขาได้ถึง 6 แห่ง ในบริเวณใกล้เคียง

แต่แล้ววันหนึ่ง ธุรกิจที่กำลังไปได้สวย ก็เริ่มขายได้น้อยลง..

คุณป้อจึงต้องรีบคิดหาทางออก เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด
และแบรนด์ Shuberry ก็ได้เกิดขึ้น

โดยแบรนด์ Shuberry จะเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ขายทั้งรองเท้า และกระเป๋า 
แต่ในราคาที่จับต้องได้มากกว่า Sexy de Cute

นอกจากนี้ Shuberry ยังมีการขยายสาขาไปในพื้นต่างๆ ไม่จำกัดอยู่แค่ในสยาม 
และจะเน้นการเปิดสาขาในห้างมากขึ้น

กลายเป็นว่าการปรับรูปแบบธุรกิจแบบนี้ ทำให้กิจการกลับมาไปได้สวย
และสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว

แต่คุณป้อ เธอก็ยังไม่ได้หยุดกับความสำเร็จ เพียงเท่านี้

ในปี 2560 เธอได้ทำการรีแบรนด์อีกครั้ง โดยเปลี่ยนจาก Shuberry เป็นแบรนด์ SHU

สาเหตุที่ทำให้คุณป้อตัดสินใจรีแบรนด์อีกครั้ง ก็เป็นเพราะต้องการขยายฐานลูกค้า
ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้หญิงเท่านั้น

จากแบรนด์ Shuberry ที่ใช้สีชมพูหวานๆ และจับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก 
ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ ดูเรียบและคลาสสิกขึ้น 
พร้อมสินค้าใหม่ ที่รองรับลูกค้าทุกเพศ และทุกไลฟ์ไตล์
แต่ยังคงคอนเซปต์ราคาที่เข้าถึงง่าย แต่คุณภาพระดับสากล

ดูเหมือนว่า การตัดสินใจรีแบรนด์ในครั้งนั้น จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกทาง
เพราะยอดขายของแบรนด์เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น

หากดูจากผลประกอบการของ บริษัท ชู โกลบอล จำกัด เจ้าของแบรนด์ SHU

ปี 2559 ก่อนรีแบรนด์ รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 16 ล้านบาท 

แต่หลังจากการรีแบรนด์ในกลางปี 2560 

ปี 2560 รายได้ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 45% 
ปี 2561 รายได้ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 200%
ปี 2562 รายได้ 162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 125%

และในปี 2563 นี้ จากที่ได้พูดคุยกับทางแบรนด์ 
SHU ก็น่าจะทำรายได้ทะลุ 200 ล้านบาทไปแล้ว

เราจะเห็นได้ว่า รายได้ของแบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดด 
และถ้านับตั้งแต่ก่อนรีแบรนด์ จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาทั้งหมด 5 ปี 
แบรนด์ SHU เติบโตเฉลี่ยสูงกว่า 60% ต่อปี

แล้ว SHU มีกลยุทธ์อะไร ถึงทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จถึงจุดนี้

นอกจากการขยายกลุ่มลูกค้าแล้ว 
แบรนด์ SHU ยังเน้นการใช้แพลตฟอร์ม “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์” ควบคู่กัน
เพื่อรับรองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

เราคงเห็นหลายๆ แบรนด์ที่เคยประสบความสำเร็จจากการขายแบบออฟไลน์
พอในวันหนึ่งที่กระแสออนไลน์เข้ามา กลับปรับตัวไม่ทัน สุดท้ายธุรกิจก็อาจไปไม่รอด

แต่สำหรับ SHU แม้จะอยู่มานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย
พอวันหนึ่งที่พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป SHU 
ก็สามารถปรับตัวไปกับวิถีทางใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งถ้าอ่านมาจนถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่า 
หัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์ SHU ประสบความสำเร็จอย่างในทุกวันนี้ 
คือ การปรับตัว และการพัฒนาตัวเอง อยู่เสมอ

ไม่ว่าในอดีต เราจะเคยประสบความสำเร็จมากแค่ไหน
แต่ถ้าวันหนึ่ง เส้นทางเดิมที่เคยเดิน เป็นทางตัน 
เราก็ไม่ควรฝืนที่จะอยู่ในหนทางนั้นอีกต่อไป

ซึ่งสิ่งที่คุณป้อ ทำมาตลอด 20 ปีก็คือ 
การพัฒนา ปรับตัวให้ไว และรู้ว่าอะไรที่ควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้

เพราะจากเดิมที่ร้าน Sexy de Cute ประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ในวันหนึ่ง ที่ธุรกิจเริ่มไปต่อไม่ได้ 
คุณป้อก็ไม่ได้ยอมแพ้ แต่กลับปั้นธุรกิจขึ้นมาใหม่

ซึ่งถ้าหากในวันนั้น คุณป้อยังใช้วิธีเดิมๆ หรือยอมแพ้ไปเสียก่อน
ในวันนี้เราอาจไม่ได้เห็น SHU แบรนด์รองเท้าของคนไทยที่ทำรายได้กว่า 200 ล้านก็เป็นได้..

References:
-สัมภาษณ์โดยตรงกับทาง SHU
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-https://mgronline.com/smes/detail/9580000082556
-https://vogue.co.th/fashion/article/shuinterview
Tag:SHU
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.