
history
ตำนานแจ็ก-โอ-แลนเทิร์น สู่ อุตสาหกรรมฟักทองขนาดใหญ่ ในวันฮาโลวีน
31 ต.ค. 2021
ตำนานแจ็ก-โอ-แลนเทิร์น สู่ อุตสาหกรรมฟักทองขนาดใหญ่ ในวันฮาโลวีน /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ ในทศวรรษ 1960 เกษตรกรชาวอเมริกัน ที่ชื่อว่า John Howden ได้คิดค้นฟักทองสายพันธุ์ ที่มีเนื้อน้อย และด้านในกลวงขึ้นมา
ซึ่งแทนที่ฟักทองของเขาจะขายได้ไม่ดี แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ยอดฮิตในสหรัฐฯ เนื่องจากฟักทองพันธุ์นี้ เหมาะกับการนำมาแกะสลัก เป็นตะเกียง ในเทศกาลฮาโลวีนนั่นเอง
แล้วทำไมผู้คนถึงนิยมนำฟักทอง มาทำเป็นตะเกียงในช่วงฮาโลวีน ?
และเทศกาลนี้ส่งผลต่อ อุตสาหกรรมฟักทองอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
และเทศกาลนี้ส่งผลต่อ อุตสาหกรรมฟักทองอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของตำนานวันฮาโลวีน (Halloween) หรือคืนวันปล่อยผี มีต้นกำเนิดมาจากชาว Celtic ที่อาศัยอยู่ในแถบไอร์แลนด์และสกอตแลนด์
โดยชาว Celtic มีความเชื่อเกี่ยวกับวัน Samhain หรือวันสุดท้ายของฤดูเก็บเกี่ยว ว่าเป็นช่วงเวลาที่โลกมนุษย์ เข้าใกล้กับโลกหลังความตายมากที่สุด ทำให้วิญญาณของคนตายอาจมาแฝงตัวท่ามกลางเหล่ามนุษย์
ดังนั้น ชาว Celtic จึงคิดกลอุบายให้ทุกคนแต่งตัวเป็นผี และจุดตะเกียงเพื่อเป็นการปัดเป่าวิญญาณ
แต่ว่าในสมัยนั้น ตะเกียงโลหะ ถือเป็นสินค้าที่มีราคาแพงมาก ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาขุดผักที่หาได้ง่ายในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว อย่างเช่น มันฝรั่ง และหัวผักกาดเทอร์นิพ มาทำเป็นตะเกียง พร้อมกับแกะสลักเป็นใบหน้าของปีศาจ
นอกจากนั้น ตามตำนานของชาวไอริช ในศตวรรษที่ 18 ที่ได้กล่าวถึง Stingy Jack บุคคลที่ถูกขนานนามว่า “แจ็กผู้ที่ไร้น้ำใจและชั่วช้า” จนซาตานจะมาเอาวิญญาณของเขาไปลงนรก
แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ แจ็กจึงหลอกลวงซาตานหลายต่อหลายครั้ง จนซาตานเลิกยุ่งกับวิญญาณเขาไปในที่สุด
และเมื่อแจ็กเสียชีวิต สวรรค์ก็ไม่รับ นรกก็ไม่เอา
วิญญาณของเขาเลยต้องเร่ร่อน ติดอยู่บนโลกไปตลอดกาล
วิญญาณของเขาเลยต้องเร่ร่อน ติดอยู่บนโลกไปตลอดกาล
ซึ่งวิญญาณของแจ็กนั้นก็ทำได้เพียงใช้ถ่านไฟจากนรก มาใส่ในตะเกียงหัวผักกาดเทอร์นิพ เพื่อจุดไฟนำทางตอนกลางคืน
ทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้เห็นแสงริบหรี่ในความมืดเมื่อไร นั่นอาจจะเป็นวิญญานของแจ็กที่กำลังเร่ร่อนอยู่ก็เป็นได้
ดังนั้น ชาวบ้านจึงเริ่มเรียกแสงไฟดวงนั้นกันว่า Jack of the Lantern ที่แปลว่า ตะเกียงของแจ็ก และในตอนหลังผู้คนก็เรียกติดปากกันว่า “Jack-o'-lantern” (แจ็ก-โอ-แลนเทิร์น)
แต่ตำนานยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อเรื่องเล่าสยองขวัญนี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้าน
ผู้คนจึงเริ่มคิดวิธีป้องกันวิญญาณเร่ร่อนของแจ็ก ด้วยการนำตะเกียงมันฝรั่ง และหัวผักกาดเทอร์นิพที่แกะสลักเป็นหน้าปีศาจ มาวางไว้ตามหน้าต่างและประตูบ้าน เพื่อขับไล่แจ็กและวิญญาณชั่วร้ายต่าง ๆ จนกลายเป็นวัฒนธรรมไปในที่สุด
ต่อมาในปี 1840 เมื่อชาวไอริชและชาวสกอตแลนด์ เริ่มย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากในสหรัฐฯ จึงได้นำเอาวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างแจ็ก-โอ-แลนเทิร์น ไปเผยแพร่ในดินแดนใหม่นี้ด้วย
แต่ที่สหรัฐฯ พวกเขาไม่สามารถหาพืชผักอย่าง หัวผักกาดเทอร์นิพได้
ดังนั้นผู้คนเลยเลือกที่จะใช้ “ฟักทอง” ซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองที่หาง่ายและราคาถูก มาแกะสลักเป็นตะเกียงไล่ผีแทน
ดังนั้นผู้คนเลยเลือกที่จะใช้ “ฟักทอง” ซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองที่หาง่ายและราคาถูก มาแกะสลักเป็นตะเกียงไล่ผีแทน
และนับแต่นั้นมา ตะเกียงฟักทอง ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลฮาโลวีน และถูกเรียกว่า “แจ็ก-โอ-แลนเทิร์น” ไปโดยปริยาย
พอเวลาผ่านไป แม้ชาวไอริชและชาวสกอตแลนด์ จะเล่าขานเรื่องราวของแจ็กแตกต่างกันออกไป ตามเวอร์ชันของตัวเอง
แต่สิ่งที่คล้ายกันก็คือ พวกเขายังคงนำเอาพืชผักมาแกะสลักเป็นตะเกียงหน้าปีศาจ
และมักจะนำไปวางตามหน้าต่างและประตูบ้าน เพื่อกันวิญญาณเร่ร่อนของแจ็กและวิญญาณชั่วร้ายต่าง ๆ เข้ามา
และมักจะนำไปวางตามหน้าต่างและประตูบ้าน เพื่อกันวิญญาณเร่ร่อนของแจ็กและวิญญาณชั่วร้ายต่าง ๆ เข้ามา
ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมา วัฒนธรรมเหล่านี้ก็ได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วสหรัฐฯ และยุโรป จวบจนมาถึงในทุกวันนี้..
และสำหรับในปัจจุบัน ที่แม้ว่ามนุษย์จะรู้จักกับไฟฟ้า และหลอดไฟแล้ว
แต่ “ฟักทอง” ก็ยังคงเป็นผลไม้ยอดฮิต ประจำเทศกาลฮาโลวีน ที่ถูกนำมาใช้ทำตะเกียงส่องแสง
แต่ “ฟักทอง” ก็ยังคงเป็นผลไม้ยอดฮิต ประจำเทศกาลฮาโลวีน ที่ถูกนำมาใช้ทำตะเกียงส่องแสง
โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร ทุก ๆ ปีจะมีฟักทองที่ถูกปลูกขึ้นมากกว่า 10 ล้านลูก
และ 95% ของฟักทองทั้งหมดนี้ จะถูกซื้อเพื่อนำไปทำเป็นตะเกียง ในช่วงเทศกาลฮาโลวีน
และ 95% ของฟักทองทั้งหมดนี้ จะถูกซื้อเพื่อนำไปทำเป็นตะเกียง ในช่วงเทศกาลฮาโลวีน
ส่วนในสหรัฐฯ ผู้คนก็นิยมนำฟักทองมาทำแจ็ก-โอ-แลนเทิร์นไม่แพ้กัน
โดยในปี 2020 ที่ผ่านมานี้ มีชาวอเมริกันกว่า 152 ล้านคน ที่มีแผนทำการแกะสลักฟักทองในช่วงฮาโลวีน ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็น 46.13% ของประชากรทั้งหมดในสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันยังใช้จ่ายค่าฟักทอง สำหรับทำแจ็ก-โอ-แลนเทิร์น รวมกันสูงถึง 23,262 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 82% เลยทีเดียว
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ เราก็เริ่มเห็นแล้วว่า แม้จุดเริ่มต้นของแจ็กเป็นเพียงแค่วิญญาณเร่ร่อน
แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
จากผลการสำรวจของ NRF พบว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยง 1 ใน 5 ที่สหรัฐฯ จะจับเหล่าสัตว์เลี้ยงมาแต่งตัว ในเทศกาลฮาโลวีน
โดยชุดคอสตูมสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่สุดก็คือ ชุดฟักทอง 10%, ชุดฮอตด็อก 5%, ชุดซูเปอร์ฮีโร 4%, ชุดแมว 4% และชุดผึ้งน้อย 3%
References:
-https://www.countrysideonline.co.uk/people-in-farming/meet-the-pumpkin-farmers/
-https://modernfarmer.com/2016/10/halloweens-agricultural-roots/
-https://www.history.com/news/history-of-the-jack-o-lantern-irish-origins
-https://www.britannica.com/story/why-do-we-celebrate-halloween -https://www.zippia.com/advice/where-pumpkins-grow-facts/
-https://extension.psu.edu/pumpkin-production
-https://chicago.cbslocal.com/2014/09/19/morton-illinois-is-the-pumpkin-capital-of-the-world-or-is-it/
-https://www.weforum.org/agenda/2019/10/halloween-pumpkins-food-waste-energy/
-https://www.theguardian.com/environment/2019/oct/23/pumpkin-waste-uk-halloween-lanterns
-https://www.hubbub.org.uk/pumpkin-rescue
-https://www.countrysideonline.co.uk/people-in-farming/meet-the-pumpkin-farmers/
-https://www.expressandstar.com/news/uk-news/2019/10/24/pumpkin-sales-surge-as-halloween-customers-buy-them-to-eat-as-well-as-carve/
-https://inews.co.uk/inews-lifestyle/shopping/pumpkins-farmers-roaring-sales-squash-halloween-shopping-715177
-https://www.nationalgeographic.com/travel/article/the-twisted-transatlantic-tale-of-american-jack-o-lanterns
-https://www.statista.com/statistics/922599/us-halloween-season-jack-o-lantern-expenditure/
-https://nrf.com/media-center/press-releases/halloween-spending-soars-celebrations-near-pre-pandemic-levels
-https://www.countrysideonline.co.uk/people-in-farming/meet-the-pumpkin-farmers/
-https://modernfarmer.com/2016/10/halloweens-agricultural-roots/
-https://www.history.com/news/history-of-the-jack-o-lantern-irish-origins
-https://www.britannica.com/story/why-do-we-celebrate-halloween -https://www.zippia.com/advice/where-pumpkins-grow-facts/
-https://extension.psu.edu/pumpkin-production
-https://chicago.cbslocal.com/2014/09/19/morton-illinois-is-the-pumpkin-capital-of-the-world-or-is-it/
-https://www.weforum.org/agenda/2019/10/halloween-pumpkins-food-waste-energy/
-https://www.theguardian.com/environment/2019/oct/23/pumpkin-waste-uk-halloween-lanterns
-https://www.hubbub.org.uk/pumpkin-rescue
-https://www.countrysideonline.co.uk/people-in-farming/meet-the-pumpkin-farmers/
-https://www.expressandstar.com/news/uk-news/2019/10/24/pumpkin-sales-surge-as-halloween-customers-buy-them-to-eat-as-well-as-carve/
-https://inews.co.uk/inews-lifestyle/shopping/pumpkins-farmers-roaring-sales-squash-halloween-shopping-715177
-https://www.nationalgeographic.com/travel/article/the-twisted-transatlantic-tale-of-american-jack-o-lanterns
-https://www.statista.com/statistics/922599/us-halloween-season-jack-o-lantern-expenditure/
-https://nrf.com/media-center/press-releases/halloween-spending-soars-celebrations-near-pre-pandemic-levels