Kanvela จากพนักงานออฟฟิศ สู่ เจ้าของแบรนด์ คราฟต์ช็อกโกแลต
Business

Kanvela จากพนักงานออฟฟิศ สู่ เจ้าของแบรนด์ คราฟต์ช็อกโกแลต

30 มี.ค. 2021
Kanvela จากพนักงานออฟฟิศ สู่ เจ้าของแบรนด์ คราฟต์ช็อกโกแลต /โดย ลงทุนเกิร์ล
หากพูดถึงช็อกโกแลตคุณภาพดี หลายคนก็คงนึกถึงช็อกโกแลตจากประเทศทางฝั่งตะวันตก
อย่างเบลเยียม
เพราะประเทศเหล่านี้ มักเป็นแหล่งรวมช็อกโกแลตแบรนด์ดัง 
ที่ร้านเบเกอรีหลาย ๆ แห่ง นิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก
แต่ช็อกโกแลตคุณภาพดี ไม่ได้ผลิตมาจากต่างประเทศเท่านั้น 
เพราะในประเทศไทย ก็มีแหล่งที่ปลูกเมล็ดโกโก้สายพันธุ์ดีเช่นกัน
และหนึ่งในแบรนด์ที่พยายามจะนำเสนอคุณค่านี้ให้คนทั่วไปได้รับรู้ก็คือ 
Kanvela Chocolate หรือ “กานเวลา ช็อกโกแลต” 
ผ่านการผลิตคราฟต์ช็อกโกแลตคุณภาพเยี่ยม
ซึ่งช็อกโกแลตของ Kanvela Chocolate ก็มีดีกรีชนะการประกวดระดับนานาชาติมาแล้ว 
วันนี้ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณธนา คุณารักษ์วงศ์ หรือคุณท็อป
เจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน Kanvela Chocolate ซึ่งได้ส่งเคสธุรกิจนี้เข้ามาทางเพจ
เรื่องราวของ Kanvela Chocolate จะน่าสนใจขนาดไหน ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Kanvela Chocolate เป็นร้านคาเฟ ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 
วางขายคราฟต์ช็อกโกแลต และเมนูที่ทำมาจากคราฟต์ช็อกโกแลตเป็นหลัก
และที่พิเศษคือ ช็อกโกแลตทั้งหมดในร้าน ถูกผลิตจากเมล็ดโกโก้ ที่ปลูกโดยสวนคนไทย
นอกจากจะเป็นคาเฟและร้านขายสินค้าช็อกโกแลตแปรรูปแล้ว 
ร้านช็อกโกแลตแห่งนี้ ยังมีรูปแบบเหมือนกับ “โชว์รูมช็อกโกแลต”
โดยมีทั้งการปลูกต้นโกโก้ กิจกรรมการสอนทำช็อกโกแลต และให้ความรู้เกี่ยวกับเมล็ดโกโก้
รวมทั้งมีคราฟต์ช็อกโกแลตที่เคยส่งไปแข่งขันระดับนานาชาติให้คนที่แวะเวียนมาได้ลิ้มลอง 
ทำให้ปัจจุบัน Kanvela Chocolate จึงเปรียบเสมือนกับอีกหนึ่งแลนด์มาร์ก ที่หากใครไปเที่ยวเชียงใหม่ก็ต้องแวะมาที่ร้านนี้ 
ซึ่งจริง ๆ แล้ว คุณท็อปไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเป็นร้านคาเฟตั้งแต่แรก
แต่ร้านช็อกโกแลตแห่งนี้ เป็นเพียงแค่ธุรกิจ ที่ทำขึ้นเพื่อต่อยอดสวนโกโก้ของเขาเท่านั้น
และที่น่าสนใจก็คือ ก่อนที่จะมาทำสวนโกโก้ คุณท็อปก็ไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเกี่ยวกับการทำเกษตรเลย 
แต่เพราะชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เขาจึงเริ่มต้นทำสวนตามความฝันของเขา 
เดิมทีคุณท็อปใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่แต่ในกรุงเทพฯ 
พอเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตในเมืองกรุง จึงกลับมาอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ 
โดยเขามีไอเดียที่จะทำสวนปลูกผลไม้ขึ้นมาสักชนิดหนึ่ง แต่ไม่อยากซ้ำกับคนในพื้นที่
จึงได้เริ่มศึกษาและค้นคว้าว่ามีพืชชนิดไหนบ้าง ที่สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ของเขาได้
จนกระทั่งคุณท็อปได้ไปเจอกับไร่ธนาทิพย์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 
ที่มีประสบการ์ณปลูกต้นโกโก้มากกว่า 10 ปี 
ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า “ต้นโกโก้” เป็นพืชที่น่าสนใจ และสามารถนำไปต่อยอดได้
แต่กว่าที่สวนโกโก้ของเขาจะเป็นรูปเป็นร่างอย่างทุกวันนี้
คุณท็อปใช้เวลากว่า 3 ปี ในการศึกษาวิธีการปลูกต้นโกโก้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน 
รวมทั้งเดินทางไปศึกษาและดูสวนโกโก้ที่ประเทศฟิลิปปินส์
ซึ่งเป็นแหล่งปลูกโกโก้หลากหลายสายพันธุ์ 
และยังเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ทำการปลูกต้นโกโก้ด้วย
มากไปกว่านั้น คุณท็อปก็ไม่ได้ศึกษาแค่การเพาะปลูกต้นโกโก้เพียงอย่างเดียว
แต่ยังค้นคว้าลึกไปถึงการทำงานของเกษตรกรในประเทศไทย
และแล้วเป้าหมายในการทำสวนโกโก้ของคุณท็อปก็เปลี่ยนไป
จากการทำสวนเพื่อสนองความพึงพอใจของตัวเองเพียงอย่างเดียว
สู่จุดมุ่งหมายที่ใหญ่ขึ้น คือ การสร้าง “วงการเกษตรที่เป็นธรรม”
เพราะระหว่างที่คุณท็อปค้นคว้า เขาได้เห็นถึงปัญหาของเกษตรกรชาวไทย
ที่มักถูกเอาเปรียบจากพ่อค้ารายใหญ่ และมีความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกผลโกโก้แบบผิด ๆ
นอกจากนั้นการทำสวนโกโก้ในประเทศไทย ก็ถือว่าเป็นวงการที่ใหม่มาก 
มีชาวสวนที่เชี่ยวชาญในการปลูกจริง ๆ น้อยมาก
โดยโกโก้หนึ่งต้นต้องใช้เวลาในการปลูกที่นานถึง 2 ปี กว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 
ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่มักถอดใจไปก่อนที่ต้นกล้าจะโตพร้อมที่จะขาย
หรือไม่เกษตรกรบางคนก็มักถูกหลอกขายต้นกล้าในราคาที่แพง เพราะอ้างว่าเป็นพืชที่ทนแล้งได้ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มันไม่มีจริง และต้นกล้าที่มีคุณภาพไม่ดี ยังจะส่งผลให้โกโก้มีคุณภาพต่ำ ไม่สามารถนำไปผลิตเป็นช็อกโกแลตคุณภาพดีได้
คุณท็อปจึงอยากสร้างธุรกิจการเกษตร ที่ดีตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางการขาย 
เริ่มจากการพัฒนาเมล็ดโกโก้สายพันธุ์ดี และให้ความรู้ที่ยั่งยืนแก่เกษตรกรชาวไทยผ่านสวนของเขา 
โดยคุณท็อปจะขายต้นโกโก้ที่ดีให้กับเกษตรกร เพื่อให้ได้เมล็ดโกโก้ที่มีคุณภาพ
และรับซื้อผลโกโก้ในราคาที่สูงกว่าตลาด
หลังจากนั้นก็จะนำมาเพิ่มมูลค่าด้วยความพิถีพิถันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
โดยไม่เติมแต่งสารเคมี หรือใช้กลิ่นสังเคราะห์
ทำให้สามารถดึงรสชาติของโกโก้ที่ดี ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเรื่องคุณภาพของสินค้า เป็นสิ่งที่คุณท็อปให้ความสำคัญมาก
อย่างเมนูช็อกโกแลตร้อน ก็ไม่ได้ชงด้วยผงโกโก้ทั่วไป 
แต่ใช้ “Cocoa Mass” หรือเม็ดโกโก้บดละเอียด 100% ที่ปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ 
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสินค้าทุกชิ้นจะใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง 
แต่ไม่ได้หมายความว่า ราคาจะต้องสูงตามไปด้วย
เพราะความตั้งใจของคุณท็อป คือ “การส่งต่อความสุขให้กับคนทาน”
ดังนั้นราคาช็อกโกแลตในร้าน จึงอยู่ในราคาที่คนไทยสามารถจับต้องได้ด้วย 
อ่านมาถึงตรงนี้ สิ่งที่คุณท็อปทำจึงไม่ใช่เพียงการเปิดร้านคราฟต์ช็อกโกแลตดี ๆ
แต่เป็นการพัฒนาวงการโกโก้ไทยในภาพรวม
ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตข้างหน้า เราอาจจะเห็นช็อกโกแลตสัญชาติไทย
กลายเป็นสินค้าที่หลาย ๆ ร้านเลือกใช้
และกลายเป็นสินค้าของฝากที่ชาวต่างชาติห้ามพลาดก็เป็นได้..
References:
-สัมภาษณ์ตรงกับคุณธนา คุณารักษ์วงศ์ หรือคุณท็อปเจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน Kanvela Chocolate 
-https://static1.squarespace.com/…/Uncommon+Cacao_TR+2019_Fi…
-https://www.uncommoncacao.com
© 2024 Longtungirl. All rights reserved. Privacy Policy.